มูดี้ส์หั่นแนวโน้มเครดิตฮ่องกง-แบงก์จีน 8 แห่ง กังวลความเชื่อมโยงทางศก.และการเมือง

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารจีน 8 แห่งลงสู่เชิงลบจากมีเสถียรภาพ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่มูดี้ส์ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีน เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้สินของประเทศ

มูดี้ส์ระบุในแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) ว่า ปัจจัยที่ทำให้ธนาคารจีน 8 แห่งของจีนถูกปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ มาจากการที่มูดี้ส์ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีนลงสู่เชิงลบ จากมีเสถียรภาพเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. โดยธนาคารทั้ง 8 แห่งได้แก่ อะกริคัลเจอรัล ดีเวลลอปเมนต์ แบงก์ ออฟ ไชน่า, ไชน่า ดีเวลลอปเมนต์ แบงก์, ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศจีน (The Export-Import Bank of China), อะกริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟ ไชน่า, แบงก์ ออฟ ไชน่า, ไชน่า คอนสตรักชัน แบงก์ คอร์ป, อินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า และโพสทัล เซฟวิ่ง แบงก์ ออฟ ไชน่า

นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของฮ่องกงและมาเก๊าลงสู่เชิงลบจากมีเสถียรภาพ หลังจากที่ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีนไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยมูดี้ส์ระบุว่าการปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของฮ่องกงนั้น สะท้อนให้เห็นว่า มูดี้ส์ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าสถานการณ์ด้านการเมือง สถาบัน เศรษฐกิจ และการเงินระหว่างฮ่องกงและจีนมีความเชื่อมโยงกันอย่างมาก

“หลังจากพิจารณาถึงสัญญาณที่บ่งชี้ว่าฮ่องกงมีการปกครองตนเองน้อยลงทั้งในด้านสถาบันการเมืองและสถาบันยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในปี 2563 และการเปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้งของฮ่องกง มูดี้ส์จึงคาดว่า ความสามารถในการปกครองตนเองของฮ่องกงทั้งในด้านการเมือง สถาบัน และการตัดสินใจด้านเศรษฐกิจนั้น จะยังคงลดลงอย่างมาก”

นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังเล็งเห็นว่า แนวโน้มที่อ่อนแอลงของจีนแผ่นดินใหญ่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของฮ่องกงด้วย

อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของฮ่องกงไว้ที่ระดับ Aa3 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความน่าเชื่อถือของฮ่องกงยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงเศรษฐกิจที่มีความมั่งคั่งและสามารถแข่งขันได้, การคลังที่แข็งแกร่ง, มีกันชนจากปัจจัยภายนอก และมีนโยบายด้านการเงินและการคลังที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ธ.ค. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top