ผู้บริหารของบริษัทในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีต่างก็มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มบิตคอยน์ โดยคาดว่าราคาบิตคอยน์จะทำสถิติพุ่งขึ้นทะลุระดับ 100,000 ดอลลาร์ในปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีดังกล่าว รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าอุปสงค์บิตคอยน์จะพุ่งขึ้นขานรับแนวโน้มการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF เป็นครั้งแรกในสหรัฐ และปรากฏการณ์บิตคอยน์ ฮาล์ฟวิ่ง (Bitcoin Halving) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. 2567
นายปาสคาล โกติเยร์ ซีอีโอของบริษัทเลดเจอร์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า “ผมเชื่อว่าปี 2566 เป็นปีสำหรับการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับภาวะกระทิงที่กำลังจะมา โดยคาดว่าราคาบิตคอยน์จะพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในปี 2567 และอาจจะยาวไปถึงปี 2568”
ก่อนหน้านี้ อุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีได้รับผลกระทบจากปัญหาต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่การล่มสลายของเหรียญลูนา, การล้มละลายของบริษัทคริปโทฯ หลายแห่ง, คดีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นกับบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบริษัทซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ระดับโลก โดยนายแซม แบงก์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้งบริษัท FTX เผชิญกับโทษจำคุกกว่า 100 ปี หลังจากที่เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกงถึง 7 กระทง กระทั่งล่าสุดนายจ้าว ฉางเผิง ผู้บริหารของบริษัทไบแนนซ์ได้ยอมรับสารภาพว่ากระทำผิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินและละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ
อย่างไรก็ดี หลังจากวิกฤตการณ์ดังกล่าวผ่านพ้นไปแล้ว นักลงทุนเริ่มกลับมามีมุมมองบวกต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีอีกครั้ง โดยเฉพาะราคาบิตคอยน์ เนื่องจากเชื่อว่าการที่เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 จะเป็นปัจจัยหนุนสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งรวมถึงบิตคอยน์ และคาดว่าอุปสงค์บิตคอยน์จะปรับตัวสูงขึ้น หากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) อนุญาตให้บริษัทต่าง ๆ รวมถึงบริษัทแบล็กร็อก จัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ภายในเดือนม.ค. 2567 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในสหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ธ.ค. 66)
Tags: bitcoin, Cryptocurrency, Spot Bitcoin ETF, คริปโทเคอร์เรนซี, บิตคอยน์, สินทรัพย์ดิจิทัล