นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่หลายจังหวัด เพื่อส่งเสริมอาชีพให้ประชาชนเลี้ยงวัวผ่านกองทุนหมู่บ้านฯ พบว่า ประชาชนมีความกังวลเรื่องราคาวัวตกต่ำ ซึ่งตนได้ชี้แจงไปแล้วว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จึงได้ช่วยเจรจากับจีน และซาอุดีอาระเบียเพื่อเปิดตลาด ซึ่งต่างประเทศมีความยินดีที่จะรับซื้อ จากเดิมที่ไม่มีโควต้าส่งออกไปต่างประเทศ ส่งผลให้ราคาวัวตกต่ำ แต่นายกรัฐมนตรีได้ช่วยเปิดตลาดทำให้ราคาวัวดีขึ้น และไม่ทำให้เกษตรกรต้องมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป
เมื่อเรากำลังจะส่งออกวัวได้แล้ว ก็ต้องมีการแก้ปัญหาในเรื่องการลักลอบนำเข้าวัวเถื่อนด้วย เพราะจะทำให้มีผลกระทบกับการส่งออกต่างประเทศ โดยวัวแช่แข็งจะหลุดเข้ามาตามท่าเรือต่างๆ ส่วนวัวมีชีวิต จะถูกลักลอบนำเข้ามาจาก จ.แม่ฮ่องสอน จ.ตาก ที่ใช้ช่องทางธรรมชาติ ส่งผลให้วัวไทยราคาตกต่ำ เนื่องจากวัวที่ลักลอบเข้ามาจะมีราคาถูกกว่ากิโลกรัมละ 10-15 บาท ซึ่งหากเราแก้ปัญหานี้ได้ ทั้งการลักลอบนำเข้าเนื้อวัว เนื้อสุกร ก็จะทำให้ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศของเราดีขึ้นอย่างแน่นอน
“อยากให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลพยายามเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ซึ่งการทำงานของนายกรัฐมนตรี ยืนยันได้ชัดว่าให้ความสำคัญกับเกษตรกร จากนี้เราก็ต้องเดินหน้าในเรื่องของการทำสเป็คในการส่งออก ทั้งโรคของสัตว์ วัคซีน โดยเราต้องทำคุณภาพให้ดี จะได้อยู่กันอย่างยั่งยืน” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่สามารถผลักดันให้มีการส่งเสริมการเลี้ยงวัว ซึ่งมีกลุ่มเกษตรกรต้องการเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ตนจึงให้กองทุนหมู่บ้านฯ วางแผนว่าจะทำอย่างไร รวมถึงจะผลักดันนำร่องการเลี้ยงวัวพรีเมี่ยมให้มีมูลค่าอย่างยั่งยืน ซึ่งมองว่าต้องมีการทำเพดดีกรีของสัตว์ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสัตว์ โดยหากโครงการนำร่องเลี้ยงวัวพรีเมี่ยมประสบความสำเร็จ ตนก็จะผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้นทั่วประเทศต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ย. 66)
Tags: ราคาวัว, สมศักดิ์ เทพสุทิน, เกษตรกร, เลี้ยงวัว