หน่วยยามฝั่งสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ (22 พ.ย.) ว่า ท่อส่งน้ำมันใต้น้ำที่รั่วไหลของบริษัทเธิร์ด โคสต์ อินฟราสตรัคเจอร์ (Third Coast Infrastructure) ส่งผลให้ต้องหยุดการผลิตน้ำมันรายวันชั่วคราวประมาณ 61,165 บาร์เรลจากผู้ผลิตอย่างน้อย 6 ราย ซึ่งคิดเป็นประมาณ 3% ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโก
หน่วยยามฝั่งสหรัฐระบุโดยอ้างสำนักบังคับคดีด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมซึ่งสังกัดกระทรวงมหาดไทยสหรัฐว่า บริษัทผลิตน้ำมันที่ได้รับผลกระทบได้แก่ ดับบลิวแอนด์ที เอเนอร์จี วีไอ (W&T Energy VI), ออกซิเดนทัล ปิโตรเลียม (Occidental Petroleum), วอเตอร์ ออย แอนด์ ก๊าซ (Walter Oil and Gas), แคนเทียม (Cantium), อารีนา ออฟชอร์ (Arena Offshore) และทาลอส เอเนอร์จี เวนเจอร์ส (Talos Energy Ventures)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทเมน พาส ออยล์ แกธเธอริง (Main Pass Oil Gathering หรือ MPOG) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเธิร์ด โคสต์ อินฟราสตรัคเจอร์ ได้ปิดท่อส่งน้ำมันดังกล่าวแล้วเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (16 พ.ย.) หลังพบน้ำมันดิบรั่วไหลห่างออกไปประมาณ 19 ไมล์นอกชายฝั่งสามเหลี่ยมปากแม่น้ำมิสซิสซิปปี ใกล้เมืองพลาคไมน์ส แพริช ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐนิวออร์ลีนส์
หน่วยยามฝั่งเปิดเผยในการอัปเดตล่าสุดว่า อุปกรณ์ที่ควบคุมจากระยะไกลและนักดำน้ำได้ดำเนินการสำรวจท่อส่งน้ำมันที่มีความยาว 67 ไมล์ (108 กม.) เป็นระยะทางกว่า 37 กม. เพื่อค้นหาจุดรั่วไหลของน้ำมัน พร้อมเสริมว่า ยังไม่มีรายงานพบผลกระทบใด ๆ ต่อสัตว์ป่า และแนวชายฝั่ง
ทั้งนี้ แม้ยังไม่ทราบปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลออกมาอย่างแน่ชัด แต่หน่วยยามฝั่งสหรัฐระบุว่า จากการคำนวณทางวิศวกรรมเบื้องต้นระบุว่า ปริมาณของน้ำมันดิบที่รั่วไหลอยู่ที่ 1.1 ล้านแกลลอนหรือ 26,190 บาร์เรล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ย. 66)
Tags: ท่อส่งน้ำมัน, น้ำมันรั่ว, หน่วยยามฝั่งสหรัฐ, อ่าวเม็กซิโก