นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวลักษณะพักฐาน จากรายงานการประชุมเฟดส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยสูงหวังกดเงินเฟ้อลง ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุน ขณะที่ดัชนี SET บวกต่อเนื่อง 5 วันแต่วอลุ่มบางอาจมีแรงขายทำกำไระยะสั้น ให้แนวรับที่ 1,418 จุด แนวรับถัดไป 1,410 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,430-1,432 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล,CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งตัวลักษณะพักฐาน โดยคาดว่านักลงทุนกลับมาระมัดระวังการลงทุนหลังจากรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) บ่งชี้ใช้นโยบายการเงินเข้มงวดเนื่องจากเงินเฟ้อปรับลงช้า และมีความเสี่ยงที่จะเพิ่มสูงขึ้นได้ จึงเห็นว่าเฟดยังไม่รีบร้อนลดอัตราดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดคาดไว้ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยกลางปีหน้า และเฟดระบุใช้ดอกเบี้ยระดับสูงสักระยะเวลาหนึ่ง
ส่วนปัจจัยในประเทศ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 5 วัน แต่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างน้อย ซึ่งต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท ทำให้ตลาดเปราะบาง อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น ขณะที่วานนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund หรือ TESG) ตลาดรับรู้ข่าวนี้ไปแล้วตั้งแต่มีข่าวการจัดตั้งกองทุน TESG โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาประมาณ 1 หมื่นล้านบาทในเดือนธ.ค.นี้
ให้แนวรับที่ 1,418 จุด แนวรับถัดไป 1,410 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,430-1,432 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (21 พ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,088.29 จุด ลดลง 62.75 จุด หรือ -0.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,538.19 จุด ลดลง 9.19 จุด หรือ -0.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,199.98 จุด ลดลง 84.55 จุด หรือ -0.59%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,182.99 จุด ลดลง 171.15 จุด หรือ -0.51% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,736.40 จุด เพิ่มขึ้น 2.51 จุด หรือ +0.01% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,060.50 จุด ลดลง 7.43 จุด หรือ -0.24%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 พ.ย.66) ที่ 1,423.61 จุด เพิ่มขึ้น 4.17 จุด (+0.29%) มูลค่าซื้อขาย 37,772.79 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 519.47 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 พ.ย.66.
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.(21 พ.ย.)ลดลง 6 เซนต์ ปิดที่ 77.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 พ.ย.66) อยู่ที่ 5.97 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.18 แนวโน้มแกว่ง sideway รอปัจจัยใหม่ ให้กรอบ 35.00-35.30
- ท่องเที่ยวรับ “วีซ่าฟรี” ปลุกไม่ขึ้น ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนไม่เข้าเป้า สายการบินจีนเหยียบเบรก พร้อมยกเลิกการจอง “สลอตการบิน-กราวนด์เซอร์วิส” ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ “การบินไทย-ไทยแอร์เอเชีย” ยันตลาดจีนฟื้นช้ากว่าที่คาดการณ์ ดีมานด์ไม่พอคาพาซิตี้กลับมาได้แค่ 40-50% ของปี’62 โยกเครื่องไปบินเส้นทางอื่นแทน ทอท.ชี้ยังต้องใช้เวลา อัดออนท็อปส่วนลดค่าแลนดิ้ง-ปาร์กกิ้งฟรี กระตุ้นแอร์ไลน์เพิ่มไฟลท์ ฟาก ททท.ดิ้นปั๊มตัวเลขทุกตลาดในทุกรูปแบบ
- คณะนักธุรกิจสหรัฐ 42 บริษัทยักษ์ใหญ่ ยกคณะส่องช่องลงทุนในไทย เข้าพบ “เศรษฐา” ก่อนเดินสายพบรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ และหาช่องทางลงทุนใน EEC ระหว่าง 21-23 พ.ย.นี้ ชูไทยมีศักยภาพลงทุนพลังงานสีเขียว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสร้างความเติบโตผ่านเศรษฐกิจดิจิทัล
- ก.ล.ต.จ่อยกระดับกำกับ “หุ้นกู้” ฟื้นความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย เล็งปรับเกณฑ์ใหม่ “ขันนอต” เข้มขึ้น เริ่มบังคับใช้ปี’67 เป็นต้นไป เลขาธิการลั่นคุมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ขณะที่ “ThaiBMA” ชี้ต้องเพิ่มเกณฑ์คุณสมบัติ บจ.เฟ้นคุณภาพ ทั้งด้านการเงิน-การตั้งผู้บริหารบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน พร้อมชงจัดทำข้อกำหนดเงื่อนไขคุมหุ้นกู้เสี่ยงสูง “จำกัดการก่อหนี้-การจ่ายเงินออกจากบริษัท- การขายทรัพย์สิน”
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) ออก 3 มาตรการคุมเรื่องชอร์ตเซลเข้ม หวังควานหาไอ้โม่งทำ Naked short sell พร้อมทบทวนความเท่าเทียมการซื้อขายผ่านโรบอต ล่าสุดตั้งคณะทำงานดึงผู้เชี่ยวชาญจากแนสแดกและตลาดหุ้นเกาหลีเข้ามาช่วยตรวจสอบและสร้างกระบวนการทำงานให้กับตลท.
- “ไมโครซอฟท์” เดินหน้าทำงานร่วมรัฐบาลไทย ย้ำการลงทุนเป็นไปตามเอ็มโอยู เร่งหารือเจรจาเงื่อนไข เฟสแรกเตรียมตั้ง “AI Center of Excellence” พร้อมประเดิมความร่วมมือโครงการต้นแบบกับ 3 กระทรวงหลัก เล็งเข้าพบนายกฯ ทุก 3 เดือน หวังแผนงานสร้างอิมแพคได้จริง ปักธงหนุนเอไอ คลาวด์ พัฒนาศักยภาพคน ยกระดับดิจิทัลในไทย
*หุ้นเด่นวันนี้
- ERW (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 6.35 บาท จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในกลุ่มเป้าหมาย (ให้ Free visa) เร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยเฉพาะอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 38,466 คน เพิ่มขึ้น 45%wow เป็นโอกาสสะสมหุ้นท่องเที่ยวรับ High season โดยเฉพาะ ERW ที่มีสัดส่วนรายได้ในประเทศราว 90%ของรายได้รวม
- SJWD (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 17.0 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการในไตรมาส 4/2566 (คาดว่าเป็นจุดสูงสุดของปี) และต่อเนื่องไปปี 2567 ทั้งจากธุรกิจปัจจุบันและการเข้าไปลงทุนในธุรกิจใหม่ ธุรกิจรถยนต์ ห้องเย็นและคลังสินค้า มี demand เข้ามามากขึ้น รวมถึงการที่จะไม่มีค่าใช้จ่ายควบรวมกิจการขนาดใหญ่เข้ามาเหมือนในไตรมาส 3/2566 ทำให้กำไรจะเป็นจุดสูงสุดของปี
- GLOBAL (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 18.20 บาท กำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 525 ลบ.-32%YoY, -25%QoQ หดตัวจากกำลังซื้อลูกค้าที่อ่อนแอ และราคาเหล็กที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนินงานในช่วงถัดไป คาดว่าจะเห็นการทะยอยฟื้นตัวได้ YoY QoQ จาก 1.กำลังซื้อฝั่งเกษตรกรที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นตามราคาข้าว/น้ำตาล 2.ราคาเหล็กที่เห็นการปรับตัวขึ้นมาจากไตรมาส 2/66 และ 3.การขยายสาขาในไทยเพิ่มอีกราว 2 สาขาในไตรมาส 4/66 ขณะที่ปี 67 คาดจะเห็นสาขาในตปท.มากขึ้น(4Q66 1สาขาที่พระตะบอง, 1Q67 1สาขาที่เวียงจันทร์, ปี67 1สาขาที่ย่างกุ้ง) ปัจจุบัน ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ของ GLOBAL* ที่ 2,873 ลบ.(-17.61%YoY) และ 3,313ลบ.(+15.34%YoY)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ย. 66)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล