ครม.อนุมัติตั้งกอง TESG หักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี ให้มีผลถึง 31 ธ.ค.75

TESG กองทุนไทยยั่งยืน ลดหย่อนภาษี

น.สพ.ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ภายใต้มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย กำหนดให้เงินได้ของบุคคลธรรมดาที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนใน “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund หรือ TESG)” ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาท

สำหรับปีภาษีนั้น ได้รับการยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ มีผลตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติอนุมัติไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.75 และการขายคืนหน่วยลงทุนไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจะต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อ

สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงที่จะออก คือ

1. ผู้มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ – บุคคลธรรมดาที่มีรายได้

2. เงื่อนไขการได้รับสิทธิประโยชน์

– การซื้อหน่วยลงทุน TESG (1) นำเงินได้มาซื้อหน่วยลงทุนใน TESG (2) เป็นเงินได้ที่ได้มาตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2575 (3) ต้องถือหน่วยลงทุนใน TESG ไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (แต่ไม่รวมกรณีทุพพลภาพหรือตาย)

– การขายหน่วยลงทุน TESG (1) ขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่ TESG (2) ถือหน่วยลงทุนใน TESG มาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (แต่ไม่รวมกรณีทุพพลภาพหรือตาย)

3. สิทธิประโยชน์

– การซื้อหน่วยลงทุน TESG ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาทสำหรับปีภาษีนั้นๆ

– การขายหน่วยลงทุน TESG ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ที่ได้รับมารวมคำนวณภาษีเงินได้ (เฉพาะกรณีที่คำนวณเงินหรือผลประโยชน์จากเงินที่ได้หักลดหย่อนกรณีซื้อหน่วยลงทุนใน TESG)

น.สพ.ชัย กล่าวว่า การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้ลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESF Fund หรือ TESG) คาดว่าจะก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ของรัฐ โดยสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีแรกประมาณ 3,000 ล้านบาท และในปีถัดๆไปปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท

ส่วนประโยชน์ คือการเพิ่มการลงทุนระยะยาวในตลาดทุนไทย เพื่อทำให้เสถียรภาพของตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการลงทุนในกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลเพิ่มขึ้น มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ รวมทั้งเป้าหมายความเป้นกลางทางคาร์บอน และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top