น.สพ.ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญในโอกาสที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พบปะกับชุมชนชาวไทยในสหรัฐฯ ว่า นายกรัฐมนตรึยินดีที่ได้มาพบกับพี่น้องชาวไทยทุกคน ซึ่งตนเคยอยู่สถานะที่ใกล้เคียงกับทุกคน เพราะเคยเป็นนักเรียนที่ซานฟรานด้วยเหมือนกันถึง 6 ปีเต็ม แต่อาจจะไม่โชคดีเหมือนทุกคน เพราะพยายามจะหางานทำ แต่ยังทำไม่ได้และไม่ได้เก่งมากจนบริษัทต้องการให้ทำงานที่นี่ จึงต้องกลับไปทำงานบริษัทฝรั่งที่เมืองไทย
ขณะที่ลูกทั้งสองของตนเองก็ทำงานต่างประเทศ ซึ่งในฐานะผู้ปกครองอยากให้เขากลับไปใช้ชีวิตในเมืองไทยดีกว่า ยอมรับประเทศไทยไม่มีข้อเสนออะไรที่ดีกว่าจนสามารถดึงดูดให้กำลังสำคัญของชาติกลับไปทำงานที่ประเทศไทย เราต้องช่วยกันเสริมสร้างความแข็งแกร่ง สร้างขีดความสามารถของประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ตนได้เดินทางเข้าสู่ชีวิตการเมือง ทั้งนี้ตั้งแต่รับหน้าที่มาสองเดือนกว่าได้เดินทางไปในหลายๆ ประเทศ ถือเป็นภารกิจของรัฐบาลแต่ละรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้มีหน้าที่ภารกิจหลักที่ต้องทำคือประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่า ประเทศไทยเปิดแล้ว ประเทศไทยพร้อมแล้ว ไม่มีเวลาไหนที่ดีกว่าเวลานี้อีกแล้วที่จะมาลงทุนในประเทศ
นายกรัฐมนตรีแสดงความดีที่ได้พบปะกับคนไทยในสหรัฐฯ อยากจะบอกว่าหลายๆ คนยังมีอายุน้อย และคงวางแผนอนาคตอยู่ว่าจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน แต่ถ้าประเทศไทยสามารถมีสิ่งที่ดีกว่า เชื่อว่าหลายๆ คนคงต้องการกลับประเทศไทย ที่ผ่านมาได้เดินทางไปต่างประเทศ ได้พบปะนักธุรกิจบริษัทใหญ่ๆ มากมาย และเป็นหน้าที่ตนเองที่ต้องชักชวนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการทำเกษตรกรรมเยอะ การทำเกษตรกรรมไม่ใช่อาชีพที่ไม่มีเกียรติ แต่เป็นอาชีพที่มีรายได้ไม่ดึงดูดแรงงานหรือคนไทยในต่างแดนให้กลับไปทำงาน จึงจำเป็นต้องยกระดับหลายๆ ส่วน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในช่วงสองเดือนที่ได้เดินทาง ส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลที่ผ่านมาได้ปูทางไว้แล้ว ตนและรัฐบาลนี้ได้มาสานต่อ โดยมีทีมงานที่แข็งแกร่งได้ทำงานกับหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น บีโอไอ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ซึ่งมีข้าราชการที่มีความสามารถ และมีความปรารถนาดีกับประเทศมาช่วยกันทำงาน ทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น เช่น อเมซอน Google และ Facebook รวมถึงบริษัทนักลงทุนจากประเทศจีนก็มีความสนใจมาลงทุนบริษัทรถไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าภายใน 2-3 เดือนจะมีการลงทุนอย่างแน่นอน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินเข้าสู่เวทีการเมือง สิ่งที่ต้องการทำคือ ต้องการยกระดับความเป็นอยู่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ไม่อยากให้ประชาชนคนไทยติดอยู่กับกับดักรายได้ปานกลาง ต้องการยกระดับขีดความสามารถของประเทศให้สูงขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ แต่ไม่ได้ดึงศักยภาพที่มีของทั้งประเทศมาใช้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา การพัฒนาพัฒนาบุคลากร และระบบภูมิศาสตร์ ซึ่งเราตั้งอยู่ในภูมิรัฐศาสตร์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยในสถานการณ์ความขัดแย้ง รัฐบาลมีนโยบายชัดเจน คือ มีความเป็นกลาง ต้องการยืนอยู่ในความขัดแย้งอย่างมีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี ยึดมั่นกับความสงบ ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่บนความขัดแย้ง ย่อมมีโอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์
สำหรับชุมชนไทยในสหรัฐฯ ถือเป็นชุมชนไทยในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีจำนวนคนไทยประมาณ 3 แสนคน ส่วนใหญ่พำนักอยู่ในฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนีย มีชุมชนไทยจำนวนประมาณ 7 หมื่นคน โดยอาศัยอยู่บริเวณซานฟรานซิสโก และเขตเบย์แอเรียอยู่ค่อนข้างมาก นอกจากนี้นครลอสแอนเจลิสยังเป็นที่ตั้งของไทยทาวน์แห่งแรกของโลกอีกด้วย โดยการพบปะกับชาวไทยในครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีมีคนไทยในสหรัฐฯ เข้าร่วมประมาณ 150-200 คน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 66)
Tags: ชัย วัชรงค์, เศรษฐกิจไทย, เศรษฐา ทวีสิน