พรรคก้าวไกล เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม “SocDem Asia Pacific – Progressive Alliance Conference 2023 : The Future of Democracy : Realizing People Power” (การประชุมเครือข่ายสังคมประชาธิปไตยเอเชียแปซิฟิก – พันธมิตรฝ่ายก้าวหน้า 2023 : อนาคตประชาธิปไตย และการทำให้อำนาจประชาชนปรากฏเป็นจริง)
โดยการประชุมดังกล่าว เป็นการประชุมร่วมของเครือข่ายความร่วมมือระหว่างพรรคการเมืองแนวสังคมประชาธิปไตย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่พรรคก้าวไกลเป็นหนึ่งในพรรคการเมืองที่เป็นสมาชิกเครือข่าย โดยมีตัวสมาชิกจากพรรคการเมืองฝ่ายก้าวหน้าจากหลากหลายประเทศเข้าร่วม ได้แก่ มองโกเลีย, มาเลเซีย, อินเดีย, เนปาล, นิวซีแลนด์, สวีเดน, ซิมบับเว, บราซิล, ตุรกี, เดนมาร์ก, ฟิลิปปินส์, อาร์เจนตินา เป็นต้น
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เป็นผู้กล่าวปาฐกถานำในการประชุมวันนี้ โดยในช่วงหนึ่งของปาฐกถา นายพิธา ระบุว่า ชัยชนะของพรรคก้าวไกล คือข้อพิสูจน์ว่าพรรคการเมืองแนวสังคมประชาธิปไตย และความคิดที่ก้าวหน้าเป็นธรรม ก็สามารถชนะการเลือกตั้งได้
พรรคก้าวไกลประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนถึง 40% ทำการเมืองแบบที่ไม่ต้องใช้ทุนมหาศาลหรือกลุ่มทุนมาหนุนหลังล็อบบี้ โดยที่ไม่เสียความเป็นตัวตน ทุกคุณค่า และนโยบายที่เรานำเสนอต่อประชาชน คือ แนวคิดสังคมประชาธิปไตย คือความคิดที่ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบบนลงล่าง หรือขวาจัด และการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความเท่าเทียมเป็นธรรม เป็นสิ่งที่ไปด้วยกันได้
นายพิธา กล่าวต่อว่า มีข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ พื้นที่ประชาธิปไตยทั่วโลกกำลังหดแคบลง แม้แต่ในสหรัฐอเมริกา โดยได้ยกหนังสือเล่มหนึ่งที่น่าสนใจ คือ Tyranny of the Minority ที่เกี่ยวกับปรากฏการณ์ความถดถอยของประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกา ว่าคนส่วนน้อยรวมตัวกันเอาชนะเสียงส่วนมากได้ด้วยวิธีการใดบ้าง ซึ่งทำให้นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งมีกติกาที่ฉ้อฉล ใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือทางการเมือง เสียงส่วนน้อยอย่าง สว. ที่เพียงไม่เข้าประชุมไม่กี่คน ก็สามารถล้มแคนดิเดตนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งได้ การปกครองด้วยกฎหมาย แต่ไม่มีนิติรัฐ ดูแต่ตัวบทแต่ไม่ดูเจตนารมณ์ เหมือนกับการที่ตนต้องถูกให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ สส.
นายพิธา กล่าวว่า คำถามคือ เราจะสู้กับคนส่วนน้อย และการสถาปนาสถาบันของคนส่วนน้อยขึ้นมาแบบนี้ได้อย่างไร สำหรับตนแล้ว คำตอบคือ เราจะต้องชนะมากกว่านี้ ทั้งในการเลือกตั้ง และในทางความคิด ซึ่งนี่คือเหตุผลที่เรามารวมตัวกันที่นี่ พวกเราทุกคนต้องการชนะมากกว่านี้ และนั่นคือเป้าหมายในอนาคต พรรคก้าวไกลก็เช่นเดียวกัน ที่จะต้องชนะได้มากกว่า 251 เสียง เพื่อไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่มีแนวคิดสังคมประชาธิปไตย เป็นแนวความคิดหลักในประเทศไทยให้ได้ในที่สุด
“เราต้องชนะทางความคิด เศรษฐกิจจากเบื้องล่าง การเติบโตแบบมีส่วนร่วม ขจัดการผูกขาด ทลายการรวมศูนย์อำนาจ นี่คือความคิดนำใหม่ที่เรากำลังสู้ให้ชนะ ในวันข้างหน้า ชัยชนะของทุกคน ก็คือชัยชนะของเราด้วย เราจะชนะไปด้วยกัน สร้างสังคมที่เป็นธรรมและก้าวหน้าไปด้วยกัน” นายพิธากล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ย. 66)
Tags: การเมือง, พรรคการเมือง, พรรคก้าวไกล, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์