ห่วงดิจิทัลวอลเล็ต! รัฐบาลแจงคนละทาง กระทบความน่าเชื่อถือ

นายเกียรติ สิทธีอมร คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมออก พ.ร.บ.เงินกู้ เพื่อนำมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า การให้ข้อมูลของคนในรัฐบาลไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาลได้ เพราะหากฟังจากที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ รมช.คลัง พูดว่าหากพ.ร.บ.เงินกู้ไม่ผ่าน ก็ยังไม่มีแผนสำรอง ในขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง กลับบอกว่า มีแผนสำรองไว้แล้ว แต่ยังไม่บอก

“เรื่องนี้สะท้อนว่า การให้ข้อมูลของนายกฯ และคนในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งทำให้กระทบต่อความน่าเชื่อถือ แม้ว่าวิธีออกกฎหมายจะเป็นวิธีที่คลีนที่สุด แต่กฎหมายนั้น ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายเฉพาะที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย คือต้องเข้าข่ายกรณีจำเป็นเร่งด่วน เมื่อมีวิกฤต และต้องทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ระบุไว้อย่างชัดเจนใน พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง” นายเกียรติ กล่าว

ดังนั้น รัฐบาลจะต้องชี้แจงในสภาฯ ให้ชัดเจนว่าประเทศมีวิกฤตเศรษฐกิจอย่างไร และเหตุใดจึงออกเป็น พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีไม่ได้ เพราะการจะออกเป็น พ.ร.บ.เงินกู้นั้น จะต้องพิจารณาในเงื่อนไขของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ที่ระบุไว้ชัดเจนเช่นกันว่า ต้องเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน ไม่สามารถใช้จ่ายงบประมาณประจำปีได้ และยังผูกโยงไปถึง มาตรา 53 และมาตรา 56 ที่ระบุว่าการกู้เงินนั้น จะทำได้เฉพาะเพื่อใช้จ่ายตามแผนงานหรือโครงการที่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ หรือสังคมเท่านั้น

ดังนั้นการพิจารณา พ.ร.บ.เงินกู้ ดังกล่าวจะผ่านหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคำชี้แจงของรัฐบาล แต่จนถึงวันนี้ ยังคงเป็นคำถามเดิม ที่มีตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว และรัฐบาลก็ยังมีคำตอบที่ไม่ชัดเจน

“ที่สำคัญ คือ เมื่อกฎหมายเขียนไว้อย่างนี้ กฤษฎีกาก็จะตีความเช่นเดียวกันว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องอธิบายถึงความคุ้มค่า ความจำเป็นเร่งด่วน และชี้แจงว่าประเทศมีวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างไร ทั้งๆ ที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยไม่ได้หยุดชะงัก ไม่ได้ติดลบ ตามการวิเคราะห์ของนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ ที่เห็นตรงกันว่าประเทศไทยไม่ได้กำลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และจริงอยู่ที่ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ต้องโตด้วยการปรับโครงสร้าง ไม่ใช่โตด้วยการกระตุ้นให้ใช้เงิน” นายเกียรติ กล่าว

พร้อมระบุว่า รัฐบาลควรเริ่มจากการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ตั้งแต่ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าก๊าซ เพราะเห็นได้ชัดว่าขณะนี้เป็นโครงสร้างที่บิดเบือนมาก และทำให้ประชาชนต้องแบกภาระ ซึ่งการปรับโครงสร้างในส่วนนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ต้องใช้เงินงบประมาณ แต่กลับจะได้ผลทางเศรษฐกิจมากกว่า 5 แสนล้านบาท

นายเกียรติ กล่าวด้วยว่า นโยบายที่พรรคการเมืองใช้หาเสียงนั้น จะต้องยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รวมถึงจะต้องระบุให้ชัดเจนถึงแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในนโยบายที่ใช้หาเสียงด้วย แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยกำลังทำนั้น ไม่ตรงกับสิ่งที่ได้ยื่นไว้ต่อ กกต. ทำให้เกิดปัญหาตามมาว่าเมื่อพรรคการเมืองใดมาเป็นรัฐบาลแล้ว หากสามารถทำเช่นนี้ได้ ก็จะทำให้พรรคการเมืองทุกพรรคหมดความน่าเชื่อถือ

“เมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว สามารถทำในสิ่งที่ไม่ตรงกับที่เคยยื่นไว้ต่อ กกต.ได้ แล้วไม่เป็นไร เรื่องนี้ กกต. จึงควรต้องออกมาชี้แจงด้วยว่าผิดกฎหมายหรือไม่” นายเกียรติ ระบุ

 

*พปชร. โยน “บิ๊กป้อม” เคาะหนุนดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปฏิเสธที่จะให้คำตอบเกี่ยวกับการสนับสนุนการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในฐานะที่ พปชร.เป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล โดยขอให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นผู้พิจารณาตัดสินใจ

พร้อมยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ลาออกตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ เพราะยังมีสุขภาพแข็งแรงและยังเป็นหัวหน้าพรรค พปชร.ต่อไป และปฏิเสธข่าว พล.อ.ประวิตร จะลาออกทางการเมืองด้วย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ย. 66)

Tags: ,
Back to Top