นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า จะใช้โอกาสในการเดินทางเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเปคที่สหรัฐฯ ในครั้งนี้ เชิญชวนนักธุรกิจต่างประเทศมาร่วมลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเมื่อโครงการนี้เกิดขึ้น จะเกิดอุตสาหกรรมใหม่ และจะขยายเป็นฐานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะภาคการเกษตร แต่จะมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเกิดขึ้นด้วย ซึ่งจะยกระดับรายได้ประชาชน และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ ได้แจ้งความคืบหน้า และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในประเทศต่างๆ และยังเป็นโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ตัดสินใจวางอนาคต แม้โครงการยังไม่เกิดขึ้นทันที เนื่องจากต้องใช้เวลานาน
สำหรับข้อเสนอที่จะจูงใจนักลงทุน ให้เลือกมาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ของไทยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีทั้งมาตรการทางภาษี, พลังงานสะอาด, การบริหารจัดการน้ำในภาคอุตสาหกรรม, การเป็นศูนย์กลางการบิน, มีรถไฟความเร็วสูง, ท่าเรือแหลมฉบังสำหรับโลจิสติกส์ และแลนด์บริดจ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะเป็นปัจจัยสำคัญให้นักลงทุนตัดสินใจ
นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าคนรุ่นใหม่ จะเล็งเห็นโอกาสจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และอาจจะตัดสินใจไม่ย้ายประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องสร้างแรงบันดาลใจ เพราะประเทศไทยต้องดีขึ้น
“หากเรามีเขตอุตสาหกรรมที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้ และคนไทยมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่จะร่วมกันพัฒนา ก็จะเป็นจุดศูนย์กลางที่จะหล่อหลอมให้สังคมดีขึ้นได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนในมิติสังคมนั้น ประเทศไทยไม่ได้มีความแตกแยกเท่ากับบางประเทศ แม้จะมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ โดยเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะพิจารณาจากในส่วนนี้เป็นหลัก อีกทั้งไทยยังมีสถาบันการศึกษา และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก ซึ่งเป็นปัจจัยในการตัดสินใจของนักลงทุนเช่นกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 66)
Tags: เศรษฐา ทวีสิน, เอเปค, แลนด์บริดจ์