นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวว่า ในปีนี้จะมีการพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอย่างแน่นอน แต่คงไม่ใช่ขึ้นเป็น 400 บาท/วัน ทั่วประเทศ เพราะฐานของค่าแรงขั้นต่ำแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน โดยจะพิจารณาบนพื้นฐานข้อมูลใน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างรอข้อมูลของแต่ละจังหวัด เพื่อประชุมหารือที่กระทรวงแรงงานในวันที่ 17 พ.ย.นี้
จากนั้น จึงจะเป็นการหารือของคณะกรรมการค่าจ้างในรูปแบบไตรภาคี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินกลางเดือน ธ.ค.นี้ โดยจะต้องมีการสอบถามข้อมูลไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ถึงอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยในปี 2566 เพื่อนำมาคำนวณในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำด้วย
“เรายังยืนยันว่า จะมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแน่นอน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในภาพรวมเริ่มมีการฟื้นตัว ทั้งนี้ ต้องระวังในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ ที่คาดว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ต้นทุนและราคาวัตถุดิบสูงขึ้น โดยอาจไม่ใช่ตัวเลข 400 บาททั่วประเทศ เนื่องจากฐานค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน” นายพิพัฒน์ กล่าว
สำหรับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ จะเป็นไปตามกฎหมายแรงงาน ในมาตรา 87 พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน โดยคำนึงถึงความจำเป็นในการครองชีพของลูกจ้าง ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง และสภาพเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวม และการเจรจาหารือกันในระบบไตรภาคีด้วย ซึ่งการพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำนั้น ได้มีการใช้สูตรการคำนวณประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของไทยตั้งแต่ปี 2560 ส่งผลให้ตัวเลขค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละจังหวัด มีอัตราที่ไม่เท่ากัน เนื่องจากแต่ละจังหวัดมีสภาพเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน
รมว.แรงงาน กล่าวว่า จะมีการพิจารณาให้รอบด้านครบทุกมิติ เพื่อให้ทั้งผู้ประกอบการ และแรงงานทุกภาคส่วนอยู่ได้ให้มากที่สุด เพราะจุดมุ่งหมายของกระทรวงแรงงาน และรัฐบาล คือ ให้ความสำคัญในการทำให้ประชาชนทุกกลุ่ม มีรายได้ที่เป็นธรรม และเหมาะสม สามารถพัฒนาชีวิตของตนเองได้ มีรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ขณะเดียวกันไม่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ
ทั้งนี้ จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2554-2565 กระทรวงแรงงาน ได้มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ดังนี้
1.ปี 2556 ทุกจังหวัดมีค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่วันละ 300 บาท
2.ปี 2560 จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ภูเก็ต สมุทรปราการ และสมุทรสาคร มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 310 บาท จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำน้อยที่สุดคือ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา ระนอง และสิงห์บุรี มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 300 บาท
3.ปี 2561 จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงสุด คือ ชลบุรี ภูเก็ต และระยอง มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 330 บาท จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำน้อยที่สุดคือ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 308 บาท
4.ปี 2563 จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงสุด คือ ชลบุรี และภูเก็ต มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 336 บาท จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำน้อยที่สุดคือ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 313 บาท
5.ปี 2565 จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงสุด คือ ชลบุรี ระยอง และภูเก็ต มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 354 บาท จังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำน้อยที่สุดคือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส น่าน และอุดรธานี มีค่าแรงอยู่ที่วันละ 328 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 66)
Tags: กฎหมายแรงงาน, ค่าแรงขั้นต่ำ, พิพัฒน์ รัชกิจประการ, แรงงาน