“สมศักดิ์” เล็งยกสถานะ สทนช.เป็นกระทรวงน้ำ แก้ปัญหาครบวงจร

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานบูรณาการสื่อสารแผนบริหารทรัพยากรน้ำ ลดเสี่ยงขาดแคลนน้ำจากเอลนีโญ ประจำปี 2566 ว่า รัฐบาลตระหนักและให้ความสำคัญกับการบริหารและจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ เพื่อให้เกิดความสมดุล และเพียงพอในทุกกิจกรรมการใช้น้ำ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าในปีนี้และต่อเนื่องไปอีก 1-2 ปี มีแนวโน้มที่หลายพื้นที่ของประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เอลนีโญ ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ทั้งด้านการอุปโภค-บริโภค การเกษตร และอุตสาหกรรม

โดยก่อนหน้านี้ ได้มีการพยากรณ์อากาศว่าจะเกิดภัยแล้ง แต่ช่วงปลายฤดูฝนได้มีฝนตกลงมาทำให้มีน้ำเพิ่ม ซึ่งต้องทำการบ้านในเรื่องการพยากรณ์อากาศเพิ่ม เพื่อให้เกิดความพอดี โดยจากการรับฟังการรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ตนได้เห็นความสามารถในการบริหารจัดการน้ำที่ถือว่าเป็นงานที่สำคัญมาก เพราะในอดีตต่างคนต่างทำ แต่วันนี้มีสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มาบูรณาการร่วมกัน ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“สทนช. คงเป็นเพียงสำนักงานไม่ได้แล้ว ต้องถูกยกระดับให้เป็นกระทรวงภายในเร็วๆ นี้ เพราะเรื่องน้ำ ถือว่ามีความสำคัญกับทุกภาคส่วน รวมถึงต้องช่วยกันศึกษาในการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ เพราะเป็นสาเหตุของความเสียหาย ไม่ใช่พูดแต่เรื่องการแก้ปัญหากลางน้ำ หรือปลายน้ำเท่านั้น ผมได้หารือกับธนาคารโลกให้ช่วยไปศึกษาการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำแล้ว และนอกจากเรื่องน้ำ เรายังจำเป็นต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องดินด้วย เพราะหากแห้งแล้ง ดินแตก จะสร้างความเสียหายอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะภาคการเกษตร” นายสมศักดิ์ กล่าว

หลังจากนั้น นายสมศักดิ์ได้เดินชมนิทรรศการเกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำ โดยระหว่างเยี่ยมชมกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายสมศักดิ์ ได้กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเสียดาย หากเรายังมีการใช้กฎหมายเดิม ทำให้ไม่สามารถเข้าไปพัฒนาสร้างอ่างเก็บน้ำให้ใหญ่ขึ้นได้ โดยหากเราเปลี่ยนมุมมอง ช่วยกันสร้างความชุ่มชื้น มีที่เบรคน้ำ ก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ เพราะหากเรายังไม่เริ่มเปลี่ยนแปลงการแก้ปัญหาที่ต้นน้ำ ก็จะมีผลกระทบตามมาอีกจำนวนมาก รวมถึงต้นไม้อาจแห้งตายจากภัยแล้งด้วย ตนจึงขอให้ช่วยกันศึกษาดู เพื่อทำให้เกิดการแก้ปัญหาแบบถาวร

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานวันนี้ต้องการให้ทุกหน่วยงานช่วยกันบูรณาการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ เพื่อทำให้เกิดความพอดี มีสมดุล และเกิดประโยชน์กับประชาชน โดยเฉพาะภาคการเกษตร และปศุสัตว์ ซึ่งต้องยอมรับว่าการบริหารจัดการน้ำ สทนช.ไม่สามารถทำได้เพียงลำพัง โดยต้องมีทุกหน่วยงานมาช่วยกันขับเคลื่อน สำหรับการจัดตั้งกระทรวงน้ำนั้น ตนกำลังศึกษาข้อมูลอยู่ เพราะต้องยอมรับว่าเรื่องน้ำเป็นภารกิจที่สำคัญมาก

ส่วนสถานการณ์เอลนีโญ มีแนวโน้มดีขึ้น เพราะขณะนี้ อ่างเก็บน้ำทั้งประเทศมีประมาณ 70% ของความจุแล้ว ขณะเดียวกัน ท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็มีความห่วงใยน้ำในภาคอุตสาหกรรม แต่ได้รับรายงานว่า น้ำเพียงพอแล้ว ทำให้ปีนี้ไม่น่าจะมีปัญหา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top