![](https://www.infoquest.co.th/wp-content/uploads/2023/07/293F89490BC7E51A7030F5F1645FAE1B.jpg)
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคของพรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวนิกเกอิ เอเชียระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐเมื่อวันอังคาร (31 ต.ค.) โดยระบุว่า “ผมมาที่นี่เพื่อช่วยให้ไทยกลับมาอยู่ในความสนใจของสหรัฐและนานาประเทศ”
รายงานระบุว่า แม้ไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ทำสนธิสัญญาพันธมิตรกับสหรัฐ แต่มีการหารือเชิงยุทธศาสตร์กับสหรัฐน้อยกว่าญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์
นายพิธาเดินทางเยือนสหรัฐเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พลาดตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้พรรคก้าวไกลกวาดที่นั่งในสภามากที่สุดในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพ.ค. โดยในโอกาสนี้นายพิธาได้เข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่หลายรายได้แก่ เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศและวุฒิสมาชิกของสหรัฐ รวมถึงนักการทูตต่างชาติ เช่น นายเควิน รัดด์ อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียและเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำสหรัฐในปัจจุบัน รวมถึงนางจาซินดา อาร์เดิร์น อดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ซึ่งปัจจุบันผันตัวมาเป็นนักวิชาการที่วิทยาลัยฮาร์วาร์ดเคนเนดี้
นายพิธาระบุว่า ไทยมีศักยภาพที่จะเป็นประเทศอำนาจระดับกลางที่สำคัญ แต่จำเป็นต้องอาศัยเงื่อนไขหลายประการ เช่น การรักษาความเป็นเอกภาพของอาเซียนและสร้างสมดุลในการสานสัมพันธ์กับสหรัฐและจีน โดยความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐย่ำแย่ลงหลังกองทัพไทยก่อรัฐประหารในปี 2557 จนถูกโดดเดี่ยวจากตะวันตกและรัฐบาลทหารไทยได้โน้มเอียงไปหาจีน
“การพึ่งพาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากจนเกินไปในช่วงรัฐบาลทหาร ทำให้ไทยถูกประเทศต่าง ๆ ที่เคยมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับไทยหมางเมิน แต่ขณะนี้ยุคดังกล่าวจบสิ้นลงแล้ว การยึดมั่นต่อระเบียบระหว่างประเทศที่อิงตามกฎเกณฑ์คือเส้นทางในอนาคต” นายพิธากล่าว
นายพิธาระบุด้วยว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวไทยโดยทั่วไปแล้วไม่สนใจกิจการต่างประเทศ แต่จริง ๆ แล้วไทยได้รับผลกระทบจากโลกภายนอกเพิ่มมากขึ้น เช่น ราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนอาหารสัตว์ การจัดสรรวัคซีน และกรณีที่แรงงานไทยจำนวนมากถูกจับเป็นตัวประกันในสงครามระหว่างอิสราเอล–ฮามาส
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 พ.ย. 66)
Tags: พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, สหรัฐ