ธนาคารโลกออกรายงานเตือนว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันและทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
ธนาคารโลกระบุในรายงานล่าสุดซึ่งเผยแพร่ในวันจันทร์ (30 ต.ค.) และประเมินผลกระทบออกเป็น 3 ฉากทัศน์ด้วยกัน โดยระบุว่า หากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางมีผลกระทบเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกหายไปประมาณ 500,000 บาร์เรล-2 ล้านบาร์เรล/วัน และจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นแตะระดับ 93-102 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนฉากทัศน์ที่ 2 นั้น หากสถานการณ์ตึงเครียดลุกลามเป็นวงกว้าง ก็จะทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกหายไปประมาณ 3-5 ล้านบาร์เรล/วัน และจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงถึง 121 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำหรับฉากทัศน์ที่ 3 ซึ่งถือเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดนั้น หากสถานการณ์ในตะวันออกกลางรุนแรงจนส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกหายไปเป็นจำนวนมากถึง 6-8 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นผลกระทบที่รุนแรงเทียบเท่ากับเมื่อครั้งที่เกิดเหตุการณ์คว่ำบาตรน้ำมันของชาติอาหรับในปี 1973 สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับ 157 ดอลลาร์/บาร์เรล
รายงานของธนาคารโลกระบุว่า นับจนถึงขณะนี้ สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีผลกระทบต่อตลาดน้ำมันไม่มากนัก ซึ่งอาจจะสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจโลกมีความสามารถมากขึ้นในการรับมือกับผลกระทบของราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น
ทั้งนี้ โลกเคยเผชิญวิกฤตพลังงานในช่วงทศวรรษที่ 1970 ซึ่งส่งผลให้หลายประเทศบังคับใช้มาตรการเพื่อป้องกันความผันผวนของราคาน้ำมัน ด้วยการลดการพึ่งพาน้ำมัน และหันไปหาแหล่งพลังงานทางเลือกอื่น ๆ รวมทั้งจัดตั้งคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserves – SPR)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 66)
Tags: ธนาคารโลก, ราคาน้ำมัน, เวิลด์แบงก์