ลอรีอัล กรุ๊ป เผยยอดขายเพิ่มขึ้น 12.6% แตะ 3.057 หมื่นล้านยูโร เพิ่มขึ้น 12.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้น 11.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการทำผลงานได้เหนือกว่าตลาดผลิตภัณฑ์ความงามโลกอย่างต่อเนื่อง
นายนิโคลา ฮิโรนิมุส ซีอีโอของลอรีอัล กรุ๊ป เปิดเผยเกี่ยวกับผลประกอบการว่า ผมภูมิใจมากกับผลการดำเนินงานของทีมงานในช่วง 9 เดือนแรก ตลาดความงามยังคงคึกคักมาก และลอรีอัลสามารถทำผลงานได้เหนือกว่าตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำระดับโลกของเรา แม้ว่าตลาดความงามในจีนแผ่นดินใหญ่จะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยว (Travel Retail) ในเอเชีย แต่ลอรีอัลยังคงรักษาอัตราการเติบโตในระดับเลขสองหลัก1 เอาไว้ได้ และเราทำเช่นนั้นได้เพราะการดำเนินงานที่ครอบคลุมกว้างขวางในระดับภูมิภาค แผนงานพัฒนานวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จ และความคล่องตัวในการจัดสรรการลงทุนอย่างรวดเร็วไปยังพื้นที่ที่เรามองเห็นการเติบโตสูงสุด ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง เรายังคงเชื่อมั่นในความสามารถของเราที่จะรักษาผลการดำเนินงานได้เหนือตลาด พร้อมทั้งบรรลุเป้าหมายการเติบโตของยอดขายและผลกำไรได้อีกครั้งในปี 2566 เรามีมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดความงาม และยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่จุดหมายสำหรับอนาคต
ในช่วง 9 เดือนแรก แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ (Professional Products Division) เติบโตขึ้น 8.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพเติบโตเร็วต่อเนื่องไตรมาสต่อไตรมาส และยังคงเติบโตแข็งแกร่งกว่าตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีนแผ่นดินใหญ่ อินเดีย และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ผู้บริโภคยังคงต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับพรีเมียมเพื่อตอบสนองกิจวัตรประจำวันที่พิถีพิถัน และด้วยเทรนด์นี้ เคเรสตาส (Kérastase) จึงประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับมากขึ้นเรื่อย ๆ
แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค (Consumer Products Division) มีผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และทำผลงานแข็งแกร่งกว่าตลาดที่ยังคงคึกคัก และสร้างความก้าวหน้าอย่างสมดุลระหว่างออฟไลน์กับออนไลน์ และระหว่างมูลค่ากับปริมาณ
โดยภูมิภาคที่มีส่วนผลักดันการเติบโตมากที่สุด คือ ยุโรป ด้วยโมเมนตัมที่ยังคงน่าประทับใจ เช่นเดียวกับตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะเม็กซิโก บราซิล และอินเดีย ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นเป็นพิเศษ
ขณะที่แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง (L’Oréal Luxe) เติบโตเพิ่มขึ้น 6.1% ในช่วง 9 เดือนแรก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในไตรมาสที่ 3 แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงเติบโตขึ้นในระดับเลขสองหลักทั่วทุกภูมิภาค ยกเว้นธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยวในเอเชีย ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Daigou (ไต้โก้ว) หรือผู้รับหิ้วสินค้าจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงยังคงสร้างผลงานเหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญและคว้าส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ในตอนแรก
ผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำหอมทำผลงานโดดเด่น โดยได้แรงหนุนจาก พาราต็อกซ์ (Paradoxe) โดย พราด้า (Prada) และ บอร์น อิน โรมา (Born In Roma) โดย วาเลนติโน (Valentino) รวมถึงผลิตภัณฑ์เด่นระดับโลกอย่าง ลิเบรอ (Libre) โดย อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ (Yves Saint Laurent) และ ลา วี เอ แบลล์ (La Vie Est Belle) โดย ลังโคม (Lancôme)
ทั้งนี้ แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางยังคงทำผลงานเหนือกว่าตลาดที่มีพลวัตสูงมาก ผลการดำเนินงานดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากแบรนด์ต่าง ๆ ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ตลอดจนยอดขายผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำของแพทย์ซึ่งทางแผนกครองความเป็นผู้นำมาอย่างยาวนาน
โดยลาโรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ผลักดันการเติบโตอันดับหนึ่ง ยังคงรักษาแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากผลิตภัณฑ์หลักของแบรนด์อย่าง เอฟฟาคลาร์ (Effaclar) ซิคาพลาส (Cicaplast) และยูวีมูน 400 (UVmune 400) ในขณะที่ เซราวี (CeraVe) บรรลุอัตราการเติบโตในระดับเลขสองหลักปลาย ๆ ทั้งในอเมริกาเหนือและภูมิภาคอื่นทั่วโลก วิชี (Vichy) เติบโตเร็วขึ้นด้วยแรงหนุนจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เดอคอส (Dercos)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 66)
Tags: ผลประกอบการ, ผลิตภัณฑ์ความงาม, ลอรีอัล, ลอรีอัล กรุ๊ป, เครื่องสำอาง, เวชสำอาง