ทีมนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ซึ่งนำโดยนิโคไล อเล็กซานดรู-ไชเดซิค คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอิสราเอลจะหดตัวรุนแรงถึง 11% ในไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง
การคาดการณ์ดังกล่าว มีขึ้นหลังจากกองทัพอิสราเอลได้รุกคืบปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซาในวันอาทิตย์ (29 ต.ค.) พร้อมด้วยการโจมตีทางอากาศที่รุนแรงขึ้น โดยรายงานระบุว่ากองทัพอิสราเอลได้ทำการโจมตีทางอากาศมากกว่า 450 ครั้ง และพุ่งเป้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ของกลุ่มฮามาส ซึ่งรวมถึงศูนย์บัญชาการ ฐานสังเกตการณ์ และฐานยิงขีปนาวุธต่อต้านรถถัง
ทั้งนี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลและฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ เปิดฉากขึ้นหลังจากที่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ส่งผลให้กองทัพอิสราเอลตอบโต้ด้วยการถล่มฉนวนกาซาทางอากาศ ขณะที่นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเตือนว่า สงครามครั้งนี้อาจจะเกิดขึ้นเป็นเวลานาน
ดัชนีตลาดหุ้นเทลอาวีฟของอิสราเอลดิ่งลงไปแล้วถึง 11% นับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ขณะที่ค่าเงินเชเกลร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2555 เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นและค่าเงินอิสราเอลออกมาอย่างหนัก
เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอิสราเอลลงสู่ “เชิงลบ” จาก “มีเสถียรภาพ” และคงอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอลไว้ที่ระดับ AA- พร้อมกับคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอิสราเอลจะหดตัวลง 5% ในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีแนวโน้มที่จะบานปลาย และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับที่รุนแรงมากขึ้น
ขณะที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอล โดยมีแนวโน้มที่จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ A1 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 66)
Tags: กลุ่มฮามาส, สงคราม, อิสราเอล, เจพีมอร์แกน