นายมอค สวี เม้ง กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอร่า (AIAM) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าธุรกิจจัดการกองทุนหลังจากที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล และการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน ภายใต้การให้บริการจัดการกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) บริการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน (Selling Agent) การบริหารการลงทุน Private Wealth Management และ Private Banking กับลูกค้ารายบุคคลและลูกค้ารายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ บลจ.ไอร่า ยังมีแผนขยายธุรกิจ Private Fund ให้ครอบคลุมธุรกิจตราสารอนุพันธ์ (Derivative Business) เพื่อตอบโจทย์ภายใต้การออกแบบพอร์ตการลงทุนที่ครบทุกมิติแบบเฉพาะบุคคล โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุน
“บลจ.ไอร่า เตรียมขยายการให้บริการในกลุ่มลูกค้า Private Wealth Management ในประเทศเพิ่มขึ้น โดยระยะแรกเจาะกลุ่มลูกค้าระดับ High Net Worth ที่ให้ความสนใจลงทุนเพิ่มในหุ้นกู้อนุพันธ์แฝง (Structured Product) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์คุ้มครองเงินต้นที่ผู้ออกผลิตภัณฑ์ได้รับการจัดอันดับเครดิต Investment grade รวมถึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการลงทุน ซึ่ง บลจ.ไอร่า มีจุดเด่นในด้านความเป็นอิสระในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ความคล่องตัวในการจัดการระบบภายใน รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบของสัญญาในการจัดการกองทุนสามารถทำได้หลากหลาย รวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม”
ส่วนการขยายตลาดต่างประเทศนั้น นายมอค สวี เม้ง กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากกลุ่มลูกค้า High Net Worth แล้ว ทาง บลจ.ไอร่า ยังมองหาโอกาสในการลงทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่ดี จากการเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงินชั้นนำในต่างประเทศของ AIRA GROUP ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่สนใจเข้ามาแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในประเทศไทย โดยเริ่มจากลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นผ่านการเป็นพันธมิตรกับธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ หรือ SMTB ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งในการให้บริการ Wealth Management ที่ครอบคลุมการลงทุนมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากความมุ่งมั่นในการปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่มีมูลค่า Wealth Management ขนาดใหญ่ รวมทั้งการเจาะกลุ่มลูกค้าสถาบันที่ให้ความสนใจลงทุนในตลาดต่างประเทศจะเป็นตัวผลักดันการเติบโตของพอร์ต Wealth Management ที่ในปีนี้ทำได้สูงสุดแตะ 1,500 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาท ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
“จุดแข็งของ บลจ.ไอร่า คือ การอยู่ภายใต้ AIRA Group ที่มีความแข็งแกร่งในทุกมิติของการลงทุน รวมถึงบริษัทฯ มีการบริการลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้ลูกค้าที่เป็น High Net Worth ทุกรายล้วนใช้บริการกับบริษัทฯ มาอย่างยาวนาน โดยมีมูลค่า Wealth Management ประมาณ 30 – 50 ล้านบาท นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ก็นำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการทั้งระบบตั้งแต่หน้าบ้านจนถึงหลังบ้าน ทำให้มีความได้เปรียบในการแข่งขัน เมื่อเทียบกับ บลจ.ในประเทศไทยส่วนใหญ่ที่เน้นลงทุนตลาดในประเทศ ขณะที่ บลจ.ไอร่า มุ่งเน้นการลงทุนตลาดต่างประเทศมากกว่า เนื่องจากมองว่าตลาดต่างประเทศมีหลากหลายทางเลือกและมีสีสันในการลงทุน ประกอบกับกลุ่มนักลงทุน High Net Worth ในปัจจุบันเริ่มหันมาลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถสร้างผลตอบแทนสูงกว่าตลาดในประเทศ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เน้นการลงทุนในต่างประเทศ”
กรรมการผู้จัดการ บลจ. ไอร่า ยังได้ประเมินภาพรวมการลงทุนช่วงที่เหลือของปีนี้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นชะลอตัว เนื่องจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ในปัจจุบันบริษัทฯ มีมุมมองว่าเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นกำลังฟื้นตัว เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลง ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับขึ้น ซึ่งทำให้เห็นว่า การลงทุนต่างประเทศได้ผลตอบแทนมากกว่า และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ บริษัทฯ มีมุมมองว่ารัฐบาลไทยชุดใหม่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไทยให้ดีขึ้นในระยะสั้น แต่การลงทุนต่างประเทศมีผลิตภัณฑ์คุ้มครองเงินต้นที่น่าสนใจและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากกว่า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ต.ค. 66)
Tags: AIAM, กองทุน, ซื้อขายหลักทรัพย์, หุ้นไทย, ไอร่า