“ชาดา” สั่งลูกเขยลาออกด่วนเซ่นปมเรียกสินบน นายกฯ-มท.1 ลั่นไม่ปกป้องคนผิด

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุมนายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ ซึ่งเป็นลูกเขยหลังถูกร้องเรียนกรณีเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมางานโครงการระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาล จำนวน 2 โครงการของ อบต.ว่า ได้บอกให้นายวีระชาติ ลาออกจากการเป็นนายกเทศมนตรีแล้วเมื่อคืนนี้ เพื่อให้มีการเลือกตั้งคนใหม่ไปทำหน้าที่แทนในระหว่างการสู้คดี เพราะแค่เพียงการพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นการให้รอพักการปฏิบัติหน้าที่ถือว่าเป็นการเอาเปรียบและปล่อยทิ้งประชาชนในตำบลตลุกดู่

“เมื่อวานเขาโทรมาหาก็บอกเขาไปว่าสิ่งที่ต้องทำคือต้องลาออกเพื่อให้จังหวัดจัดการเลือกตั้ง ถ้าลาออกก็จะมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ นี่คือมาตรฐานของการเมืองไทยในระดับท้องถิ่น นายวีระชาติ รัศมี ลาออกเมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ผมก็โอเค คุณลาออกแล้ว คุณต้องทำ แล้วให้ประชาชนไปเลือกตั้งต่อ ไม่ใช่บอกว่าคดียังไม่สิ้นสุด คนที่ไปจับกุมเขาเสียความรู้สึกว่าจับมาวันนี้ พรุ่งนี้กลับไปเป็นนายกฯ ต่อ” นายชาดา กล่าว

นายชาดา กล่าวว่า ในฐานะที่เป็น รมช.มหาดไทย ก็ต้องเก็บกวาดบ้านตัวเองก่อน ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องก็ได้โทรศัพท์ไปสอบถามผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีว่ากรณีนี้สั่งพักปฏิบัติหน้าที่เลยได้หรือไม่ เพราะมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับที่อื่น อาทิ ที่ตำบลบางแก้ว จ.สมุทรปราการ และ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการตำรวจป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) ก็เคยโทรมาหาบอกว่ากรณีแบบนี้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในคดีอื่นๆ เราก็เห็นด้วย ดังนั้นคดีนี้เราจึงมองว่าการพักปฏิบัติหน้าที่ถือว่าเป็นการเอาเปรียบ

“ทางผู้ใหญ่หลายคนเขาก็โทรมาหาผม ผมก็โทรหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่าให้พักการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทางผู้ว่าฯ ก็กำลังดูกฎหมาย แต่ยังไงก็ต้องพักการปฎิบัติหน้าที่ แต่ฟังให้ดีๆ การพักปฏิบัติหน้าที่ของทุกแห่งในองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) คือเอารองนายกฯ ของทีมนั้นขึ้นมารักษาการแทน ท้องถิ่นแห่งนั้นก็อยู่แบบซังกะตายจนกว่าจะครบวาระ ถ้าผู้บริหารสามารถกลับเข้ามาในช่วงสมัยได้ คดีหลุดก็มาเป็นต่อ แต่บางคนก็สู้คดีจนหมดวาระ” นายชาดา กล่าว

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กลุ่มว่า สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปนับว่าถูกต้องแล้ว แสดงให้เห็นว่าทุกหน่วยงานเห็นพ้องต้องการว่าถึงเวลาต้องเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามผู้มีอิทธิพล เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายอยากเห็นความเป็นรูปธรรม จะเห็นว่าไม่มีการช่วยเหลือ แปลว่าถ้าทำผิดกฎหมาย ใครก็ช่วยไม่ได้

“ใครที่คิดว่าทำผิดกฎหมายแล้วจะถูกจับไม่ได้ ให้กลับไปคิดใหม่…ก็บอกแล้ว ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ถ้าผิดก็รับโทษ ถ้าเชื่อว่าถูกใส่ร้าย ให้เอาหลักฐานมาชี้แจง” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ขอชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำให้เรื่องการปราบปรามผู้มีอิทธิพลกลายเป็นกระแสเป็นที่พูดถึง เพราะถือเป็นความสำเร็จของทั้งฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงในการรักษาความสงบสุขของสังคม อย่างน้อยก็ทำให้คนที่อยากทำผิด ก็ต้องกลัว และคิดให้มากๆ

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า รู้สึกตกใจ แต่ต้องให้เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าว แต่ยืนยันว่าหากผิดจริงก็ต้องมีการดำเนินการตามกฏหมาย ไม่ว่าจะเป็นญาติ พี่น้องของรัฐมนตรีคนใดก็ตาม

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ต.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top