บริษัทวีซ่า อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชำระเงินระดับโลกจากสหรัฐ รายงานเมื่อวันอังคาร (24 ต.ค.) ว่า กำไรในไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ 2566 (ก.ค. – ก.ย.) สูงกว่าที่มีการประมาณการเอาไว้ เนื่องจากผู้บริโภคยังคงใช้บัตรเครดิตในการใช้จ่ายด้านการเดินทางและรับประทานอาหารนอกบ้าน แม้เผชิญปัญหาเงินเฟ้อและวิกฤตค่าครองชีพ ส่งผลให้หุ้นวีซ่าพุ่งขึ้นเกือบ 3% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการปกติ
การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ร่ำรวยและการเดินทางที่ฟื้นตัวขึ้นหลังผ่านพ้นช่วงโรคโควิด-19 ระบาดนั้นช่วยป้องกันไม่ให้กลุ่มบริษัทบัตรเครดิตรายใหญ่ของสหรัฐได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
วีซ่า อิงค์ระบุว่า ปริมาณการชำระเงินเพิ่มขึ้น 9% ในไตรมาส 4/2566 ขณะที่ ปริมาณการชำระเงินข้ามพรมแดน ซึ่งไม่นับรวมการทำธุรกรรมภายในยุโรป ซึ่งขับเคลื่อนรายได้จากการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ปรับตัวขึ้น 18%
แม้ว่าราคาสินค้าทุกชนิด ตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภคไปจนถึงไฟฟ้า ที่เพิ่มสูงขึ้นได้เริ่มกระทบต่องบประมาณของภาคครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มคนรายได้น้อย แต่การใช้จ่ายผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่ง สวนทางกับเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว
วีซ่า อิงค์ระบุว่า รายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 11% สู่ระดับ 8.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 4/2566
ขณะที่ กำไรอยู่ที่ 2.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นในไตรมาส 4/2566 ซึ่ง LSEG ระบุว่าสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์โดยเฉลี่ยที่ 2.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น
สำหรับตลอดทั้งปี 2566 วีซ่า อิงค์รายงานกำไรที่ 8.77 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทที่ 8.68 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น
ด้านรายได้สำหรับตลอดทั้งปี 2566 ปรับตัวขึ้น 11% สู่ระดับ 3.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ต.ค. 66)
Tags: การเดินทาง, บัตรเครดิต, วีซ่า อิงค์