JSP ปั้น CDIP รับงานวิจัยพัฒนาเครื่องสำอาง-อาหารเสริมพร้อมช่องทางขายวางเป้าส่งเข้า LiVEx ปี 68

นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) (JSP) กล่าวว่า อีกหนึ่งธุรกิจหลักที่ผลักดันให้ JSP กลายเป็นผู้ให้บริการด้านสุขภาพอย่างครบวงจรคือ ธุรกิจด้านการวิจัยและพัฒนา และการต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่เชิงพาณิชย์ซึ่งถือเป็นหัวใจของการต่อยอดสู่การผลิตยา เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับคนและสัตว์ โดย JSP ขับเคลื่อนกระบวนการเหล่านี้ผ่าน บมจ.ซีดีไอพี (ประเทศไทย) (CDIP) ซึ่ง JSP ถือหุ้นอยู่จำนวน 65%

โดยธุรกิจของ CDIP นั้นไม่ได้สำคัญเฉพาะกับ JSP เท่านั้นแต่เป็นฟันเฟืองที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเพื่อก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ผ่านผู้ประกอบการรายย่อย และวิสาหกิจชุมชน เนื่องจากปัจจุบันสินค้าด้านสุขภาพของไทยมีจำนวนไม่น้อยที่มีคุณภาพสูงแต่ไม่สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้เนื่องจากไม่มีงานวิจัยรองรับ โดยอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ไม่สามารถเข้าถึงงานวิจัยได้ มาจากค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ธุรกิจของ CDIP จึงเป็นการเปิดกว้างให้ SME และผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงการทำวิจัยและยกระดับสินค้าให้สามารถตีตลาดต่างประเทศได้กว้างขึ้น การก้าวข้ามข้อจำกัดนี้จะส่งผลให้ประเทศไทยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

ธุรกิจของ CDIP รับจ้างวิจัยเชิงวิชาการในห้องปฏิบัติการรับจ้างทดสอบและวิเคราะห์ผลทางวิทยาศาสตร์รวมถึงจัดงานฝึกอบรมและสัมมนาและส่วนงานให้คำปรึกษาการยื่นขอทุนวิจัยด้านการวิจัยและพัฒนา โดย JSP ตั้งเป้านำ CDIP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) ภายในปี 68 และในระยะยาวไม่เกิน 5 ปี ตั้งเป้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อระดมทุนรองรับการขยายธุรกิจในการทำงานวิจัยและพัฒนา รวมถึงการขยายตู้ขายยา Medis ให้เป็น 1,000 ตู้ ภายในปี 68

นางสาวจิรรัตน์ พวงนุ้ย ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรม บมจ.ซีดีไอพี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทประกอบธุรกิจต้นน้ำผู้ให้บริการวิจัยและพัฒนา วิเคราะห์ทดสอบผลิตภัณฑ์ พัฒนาสูตรและรูปแบบของผลิตภัณฑ์ ตั้งโดยกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ สายเลือดนักวิจัย เนื่องจากเห็นช่องว่างของความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ผลิตงานวิจัย นักวิจัย ผู้ใช้งานวิจัย ในอุตสาหกรรมต่างๆ และผู้บริโภคงานวิจัย หมายถึงตลาดและผู้บริโภค จึงต้องการเชื่อมโยงของทั้ง 3 ส่วน เข้าด้วยกัน เพื่อนำงานวิจัยไทยมาต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์และผลิตเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ ทั้งกลุ่มอาหารเสริม เครื่องดื่ม สมุนไพร และเครื่องสำอาง ออกสู่ตลาดได้จริง เน้นการต่อยอดงานวิจัยไทยเพื่อเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบเพื่อสุขภาพจากไทยสู่ตลาดโลกเสริมสร้างความแข็งแกร่งและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคการเกษตร และสมุนไพรไทย

CDIP มีห้องแล็บขนาดใหญ่ที่มีเครื่องมือที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล และเครือข่ายนักวิจัย ระดับปริญญาเอก ทั้งจาก สวทช.และอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ตั้งของ CDIP และมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งจะสนับสนุนให้ CDIP สามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการยกระดับงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ได้ด้วยเงินทุนที่ไม่มากเหมือนกับบริษัทใหญ่ ในต่างประเทศ

นอกจากนี้ CDIP ยังมีในธุรกิจปลายน้ำ ซึ่งเป็นนวัตกรรมแพลตฟอร์มตู้จำหน่ายยาอัตโนมัติ 24 ชั่วโมงผ่านตู้กดยา Medis ทำการจำหน่ายยาสามัญประจำบ้าน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ และผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ ซึ่งจะมาแก้ข้อจำกัดของการเข้าถึงยาในเวลากลางคืนที่ร้านขายยาปิดให้บริการแล้ว รวมถึงแก้ข้อจำกัดในเรื่องเภสัชกรประจำร้านขายยาที่ขาดแคลนอยู่

โดยปัจจุบันให้บริการจำนวน 44 ตู้ มียาสามัญประจำบ้านให้บริการ 40 รายการ/ตู้ ซึ่งตู้ขายยาที่ติดตั้งให้บริการอยู่จะอยู่ภายในคอนโดมิเนียมของ LPN ที่บริษัททำสัญญาในการให้บริการไว้ และมีแผนขยายจำนวนตู้ในปี 67 เพิ่มขึ้น 200 ตู้ ซึ่งเปึนจำนวนที่ถึงจุดคุ้มทุน และเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ตู้ในอนาคต เน้นขยายไปยังโครงการที่อยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรม แหล่งชุมชน อย่างไรก็ดีในอนาคตตู้ Medis จะสามารถให้บริการปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยแก้ไขข้อจำกัดที่มีในปัจจุบันให้คนไทยเข้าถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพและยารักษาโรคที่มีคุณภาพมากขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ต.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top