เทสลาแสดงความกังวลเกี่ยวกับการขยายกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เช่นเดียวกับเจเนอรัล มอเตอร์ส และฟอร์ด โดยระบุถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ลดลง
นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลากล่าวเมื่อวันพุธ (18 ต.ค.) ว่า เขากังวลว่า ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นจะทำให้ผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าไม่สามารถซื้อรถยนต์ของบริษัทได้ แม้มีการปรับลดราคาลงอย่างมากก็ตาม และเขาจะรอดูความชัดเจนทางเศรษฐกิจก่อนที่จะขยายโรงงานตามแผนในเม็กซิโก
“ผู้คนลังเลที่จะซื้อรถใหม่ หากเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน” นายมัสก์กล่าวหลังรายงานผลประกอบการ “ผมไม่ต้องการที่จะเร่งความเร็วอย่างเต็มที่ไปสู่ความไม่แน่นอน”
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ถ้อยแถลงของนายมัสก์มีขึ้นหลังจากการแสดงความกังวลของผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทสตาร์ตอัปด้าน EV รายอื่น ๆ โดยเจเนอรัล มอเตอร์สระบุเมื่อวันอังคาร (17 ต.ค.) ว่า บริษัทจะชะลอการผลิตรถกระบะไฟฟ้าเชฟโรเลต ซิลเวอราโด และจีเอ็มซี เซียร์ราที่โรงงานในรัฐมิชิแกนออกไปหนึ่งปี โดยอ้างถึงอุปสงค์รถ EV ที่ลดลง
ขณะเดียวกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟอร์ดระบุว่า จะลดกะการทำงาน 1 ใน 3 กะที่โรงงานผลิตรถกระบะไฟฟ้า F-150 Lightning เป็นการชั่วคราว ส่วนลูซิด (Lucid) ซึ่งเป็นสตาร์ตอัปด้าน EV เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า การผลิตลดลงเกือบ 30% ในไตรมาส 3/2566
ทั้งนี้ เทสลาซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยกำไรและรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3/2566 หลังจากบริษัทปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นแรงซื้อ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังเผชิญกับภาวะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
เทสลาเปิดเผยเมื่อวานนี้ (18 ต.ค.) ว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ 66 เซนต์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 73 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 2.335 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.41 หมื่นล้านดอลลาร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ต.ค. 66)
Tags: EV, รถยนต์ไฟฟ้า, อีลอน มัสก์, เทสลา