CENTEL-ERW บวกนำกลุ่มโรงแรมรับผลดียืดวีซ่ารัสเซีย-เก็งงบ Q3/66 เทิร์นอะราวด์

CENTEL ปรับตัวขึ้น 4.57% หรือเพิ่มขึ้น 2.00 บาท มาที่ 45.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 121.91 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.04 น. จากราคาเปิด 44.00 บาท ราคาสูงสุด 46.00 บาท ราคาต่ำสุด 44.00 บาท

ERW ปรับตัวขึ้น 2.91% หรือเพิ่มขึ้น 0.15 บาท มาที่ 5.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 127.76 ล้านบาท

บล.หยวนต้า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เคาะขยายเวลาพำนักนักท่องเที่ยวรัสเซียในไทยจาก 30 วัน เป็น 90 วัน หนุนการท่องเที่ยวไทย เริ่ม 1 พ.ย.66 – 30 เม.ย.67

ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวรัสเชียติดอันดับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทยสูงสุดเป็นอันดับ 5 และมีจำนวนสะสม YTD ที่ 1.0 ล้านคน ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดนักท่องเที่ยวรัสเซียตลอดปี 66 จะอยู่ที่ราว 1.5 ล้านคน ใกล้เคียงกับที่ทำได้ในปี 62 (Pre COVID-19) ขณะที่ภาครัฐตั้งเป้าหมายในปี 67 คาดว่าจะนักท่องเที่ยวรัสเซียจะเติบโตได้อีกราว 8%

เรามีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าว เนื่องจากนักท่องเที่ยวรัสเซียได้รับการยกเว้นการขอวีซ่าในการเข้าประเทศไทยอยู่ก่อนแล้ว มาตรการที่เพิ่มขึ้นมาเป็นการขยายระยะเวลาในการพำนักชั่วคราวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวของไทย อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวรัสเซียปกติมีจำนวนวันพักเลี่ย 19 วัน ต้องจับตาว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยหนุนให้จำนวนวันพำนักและค่าใช้จ่ายต่อทริปสูงขึ้นได้หรือไม่

ผลกระทบรายตัว SHR มีสัดส่วนจากนักท่องเที่ยวรัสเซียสูงกว่า 10% ของรายได้รวมในปี 65 เนื่องจากนักท่องเที่ยวรัสเซียส่วนใหญ่อยู่ในตลาดภูเก็ตและมัลดีฟส์ซึ่งเป็นตลาดหลักของกลุ่ม ขณะที่ผู้เล่นรายอื่นนั้น กลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซียจะอยู่ที่ราว 2%-4% ของรายได้รวม

เราคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว “เท่ากับตลาด” ระยะสั้นหุ้นในกลุ่มยังถูกกดด้นจากความกังวลเกี่ยวกับ Sentiment ทั้งนักท่องเที่ยวจีนและกลุ่มตะว้นออกกลาง จับตาตัวเลขนักท่องเที่ยวรายสัปดาห์ที่จะรายงานวันนี้ หากเติบโตดี MoM หลังเข้า High Season มีโอกาสเก็งกำไรหุ้นโรงแรมที่พึ่งพิงรายได้ในไทยสูง ชอบ ERW (ราคาเป้ามาย 6.10) มากกว่า CENTEL (ราคาเป้าหมาย 52.00)

ด้าน บล.ทรีนิตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ERW คาดกำไรไตรมาส 3/66 ที่ 145 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 2% QoQ และพลิกจากขาดทุน 12 ล้านบาทในไตรมาส 3/65 จากคาดการณ์รายได้ 1.75 พันล้านบาท สูงขึ้น 8% QoQ และ 36% YoY โดยรายได้จากธุรกิจโรงแรมยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากอัตราเข้าพักสูงกว่า 80% และ ADR ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ EBITDA Margin ในไตรมาส 3/66 คาดไว้ที่ 29% ใกล้เคียงไตรมาส 2/66 โดยที่มีการรู้ค่าใช้จ่ายของโรงแรมในญี่ปุ่นราว 14 ล้านบาท RevPar (Exc. Hop Inn) คาดว่าจะสูงขึ้น 12% QoQ และ 52% YoY อัตราเข้าพักที่ 85% จาก 80% ในไตรมาส 2/66 ส่วน RevPar Hop Inn ไทย คาด Flat QoQ แต่สูงขึ้น 15% YoY อัตราเข้าพัก 81% จาก 79% ในไตรมาส 2/66 และ RevPar ของทุกกลุ่มโรงแรมยังสูงขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ต่อเนื่อง จากอัตราการเข้าพักและ ADR สูงขึ้น

ขณะที่มาตรการกรยืดอายุวีซ่านักท่องเที่ยวรัสเซียที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.66- 30 เม.ย.67 จะช่วยหนุนการเดินทางของชาวรัสเซียมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4/66 ที่เป็นช่วง High Season ส่งผลกบวกโดยตรงต่อ ERW เนื่องจากโรงแรมที่ภูเก็ตมีจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียกว่า 50% ของรายได้ และแม้จะเข้าสู่ Low Season ในช่วงไตรมาส 3 แต่เป็น Low Season ที่แข็งแกร่งกว่า Low Season ช่วง Pre-COVID จากทั้งอัตราเข้าพักและ ADR ที่สูงขึ้น หนุน RevPar ให้แข็งแกร่ง

กำไรสุทธิปี 66-67 ยังคงคาดการณ์ไว้ที่ 697 ล้านบาท และ 769 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นการเติบโตของกำไรที่สูงกว่าช่วง Pre-COVID คงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 6.10 บาท อิงค่าเฉลี่ย EV/EBITDA ที่ 16X โดยคาดว่าการฟื้นจะโดดเด่นต่อเนื่องเมื่อเทียบ YoY และสามารถรักษาระดับ RevPar ที่สูงกว่าปี 62 ได้

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ต.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top