นายสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า สภาพตลาดในปัจจุบันอยู่ในภาวะชะลอตัว ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ มีความผันผวน อย่างไรก็ตาม ภาวะดังกล่าวก็เป็นโอกาสที่นักลงทุนใช้เวลาในช่วงตลาดชะลอตัวเพื่อศึกษาหาความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่ช่วงตลาดขาขึ้นหรือตลาดกระทิง โดยนักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ในการพัฒนาความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีและลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ในอดีตจำนวนคนที่เข้ามาอยู่ในตลาดคริปโทฯ มีเพียงหลักแสนคน ในขณะที่ปัจจุบันจำนวนคนที่เปิดบัญชีกับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในการกำกับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประมาณ 3 ล้านคน จำนวนคนที่ถือ wallet จำนวนหลักล้าน
และจากการรายงานดัชนีการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลของทั่วโลกในปี 66 ของ chainalysis บริษัทวิเคราะห์บล็อคเชน ระบุว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลกในการเข้าถึงคริปโทฯ และจาก 20 อันดับทั่วโลกมีประเทศจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียง 4-5 ประเทศเท่านั้น สะท้อนว่าโครงการ Web 3.0 จะขับเคลื่อนจากเอเชียกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก โดยไทยก็เป็นประเทศสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว จึงจำเป็นต้องจัดงานเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจอยู่เรื่อย ๆ
สำหรับคริปโตมายด์ ในฐานะผู้จัดงาน Blockchain Genesis, Thailand Blockchain Week 2023 ครั้งที่ 6 ตั้งเป้าจะมีผู้เข้าร่วมงาน 5,000 คน โดยเน้นกลุ่มชาวต่างชาติเพื่อมาแบ่งปันข้อมูลที่หลากหลาย โดยงานดังกล่าวจัด 2 วัน ระหว่างวันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์การค้าใจกลางเมือง Samyan Mitrtown Hall
นายศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวถึงแนวโน้มตลาดคริปโทฯ ในปีหน้าว่า คนจะเริ่มเข้าในตลาดมากขึ้นโดยเรียนรู้จากความในอดีตแล้วกลับเข้ามายังตลาดคริปโทฯ อีก รวมทั้งคนที่มีมุมมองไม่ดีกับตลาดคริปโทฯ เริ่มเปิดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีคนส่วนมากที่ยังไม่เข้าใจและมีมุมมองแบบเหมารวม ไม่ได้เปิดใจที่จะเข้ามาศึกษาตลาด ซึ่งต้องใช้เวลากว่าที่เทคโนโลยีจะสามารถพิสูจน์ถึงประโยชน์ที่นำมาว่ามีอะไรบ้าง ก็ต้องอาศัยผู้พัฒนาที่จะสามารถทำให้ประโยชน์เข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้ ทั้งนี้บิทคอยน์ยังคงเป็นแรงผลักดันสำคัญของตลาดคลิปโตในปีหน้าอยู่
อีกปัจจัยหนึ่งคือการที่ Stablecoin กับ CBDC เริ่มออกมาและมีผลชัดเจนมากขึ้น เป็นอีกแรงขับเคลื่อนหนึ่งที่น่าสนใจเนื่องจากในอนาคตอาจจะเชื่อมโยงกับ DeFi (Decentralized Finance) ซึ่งเป็นบริการทางการเงินที่สามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ผ่านตัวกลาง อย่างไรเป็นประเด็นที่น่าติดตาม นอกจากนี้โครงการต่าง ๆ ที่สามารถผ่านพ้นช่วงที่ตลาดซบเซาได้ คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนให้กับคนที่ถือได้ค่อนข้างสูง
ด้านนายนที เทพโพชน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Crypto City Connext และ Block Mountain กล่าวว่า ในอดีตทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีมุมมองต่อเทคโนโลยีบล็อคเชนหรือตลาดคริปโทฯ ไม่เหมือนปัจจุบัน ซึ่งการจัดงานที่ผ่านมาเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจกับคนในอุตสาหกรรมเอง และประชาชนคนทั่วไปซึ่งปีนี้ได้เห็นความเคลื่อนไหวของหน่วยงานภาครัฐในการกำกับดูแลมากขึ้น
นอกจากนี้ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาหน่วยงานในภาครัฐค่อนข้างที่จะตื่นตัวกับเทคโนโลยีดังกล่าว ดังเห็นจากการเป็นนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองที่พูดถึงบล็อคเชน ส่งผลให้หลายคนมีความมั่นใจในเทคโนโลยีดังกล่าวมากขึ้น และหน่วยงานจากรัฐยังได้ให้การสนับสนุนมากขึ้น โดยการให้ทุนในการพัฒนา ทั้งจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) มีการให้ทุน Start up ที่เกี่ยวกับการพัฒนา Web3.0 หรือสินทรัพท์ดิจิทัล (Digital Asset) มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งยังมีโครงการที่ภาครัฐทำ infrastructure เองด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ต.ค. 66)
Tags: Cryptocurrency, cryptomind, คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, คริปโทเคอร์เรนซี, ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์, สัญชัย ปอปลี, สินทรัพย์ดิจิทัล