นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พร้อมกับนายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรม แถลงยืนยันการเข้าสังกัดพรรคเป็นธรรม หลังจากที่ถูกพรรคก้าวไกลขับออกจากสมาชิก เมื่อ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเป็นธรรม (ปธ.) อย่างเป็นทางการ เนื่องจากต้องรอหนังสือจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยืนยันถึงการพ้นสมาชิกภาพจากพรรคก้าวไกล (กก.) ก่อน และการที่ตนตัดสินใจเข้าพรรคเป็นธรรมเพราะมีอุดมการณ์ใกล้เคียงกับพรรคก้าวไกลมากที่สุด ตนจึงแถลงยืนยันว่ามีสังกัดพรรคการเมืองแน่นอน เพื่อสร้างความชัดเจนในการทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง
“จากการหารือกับหัวหน้าพรรคฯ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรมแล้วรับทราบว่าการทำงานของผมต้องเผชิญแรงเสียดทานต่างๆ ทั้งการผลักดันวาระก้าวหน้า รัฐสภาโปร่งใส หลังจากหารือเบื้องต้นกับพรรคเป็นธรรมแล้วพร้อมสนับสนุนในการทำงานของผม” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะสังกัดพรรคใดจะไม่ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในสภาฯ การทำงานจะอำนวยให้ทุกพรรคการเมืองอย่างเป็นธรรม และพร้อมการทำงานร่วมกับวุฒิสภาด้วย การถูกจับจ้องทางการเมืองนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ และเชื่อว่าการทำงานจะมีแรงเสียดทาน แม้ก่อนหน้านี้นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล จะแสดงท่าทีเคารพการตัดสินใจของตนก็ตาม
“ผมเคารพท่านอดิศร หากจะมีคำแนะนำหรือท่าทีอย่างไรพร้อมน้อมรับ ซึ่งสัญญาณที่ออกมาวานนี้คือสัญญาณทางบวก ผมเชื่อว่าการทำงานในสภาฯ จะราบรื่น” นายปดิพัทธ์ กล่าว
ส่วนอนาคตจะลงเลือกตั้งในนามพรรคเป็นธรรมหรือย้ายสังกัดก็ยังไม่ได้ตัดสินใจระยะยาว เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น เพราะตนต้องหาสังกัดให้ได้ภายใน 30 วัน ซึ่งพรรคเป็นธรรมเปิดรับมากที่สุด และยังมีเวลาจะตัดสินใจอีกหลายปี ซึ่งเป็นเรื่องของเอกสิทธิส่วนตัวของตนและพรรคเป็นธรรม
ขณะที่นายปิติพงศ์ กล่าวว่า เมื่อนายปดิพัทธ์ส่งเอกสารสมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้ว จะต้องมีการพิจารณาถึงคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย จากนั้นกรรมการบริหารพรรครับรองเพราะไม่ใช่สมาชิกทั่วไป เนื่องจากมีตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง อย่างไรก็ดีในวาระที่ดำรงตำแหน่งในสภาฯ นั้นนายปดิพัทธ์ไม่สามารถเป็นกรรมการบริหารพรรคได้ แต่จะสนับสนุนการทำงานของพรรคในฐานะสมาชิกพรรคเท่านั้น
“ผมยืนยันจุดยืนในการทำงานฐานะรองประธานสภาฯ ที่ทำงานโปร่งใส ตรวจสอบได้ และกิจการที่ดำเนินในปัจจุบัน ผมตอบรับเป็นทีมที่ปรึกษาของนายปดิพัทธ์ทำงานในสภาฯ แล้ว ผมสนับสนุนการทำงานประชาธิปไตยทางการเมืองไม่มีระบบกล้วย หรืออามิสสินจ้าง แต่เป็นอุดมการณ์ของพรรคเป็นธรรม ไม่ได้ตกปลาในบ่อเพื่อน ไม่ได้เป็นสาขาของพรรคใด แต่เป็นพรรคประชาธิปไตย เป็นข้าวคนละชาม แม้ข้าวไม่อร่อยเท่ากับพรรคก้าวไกล แต่ไม่ถึงกับเป็นข้าวคลุกน้ำปลา” นายปิติพงศ์ กล่าว
ด้านนายกัณวีร์ กล่าวว่า พรรคเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกและตรวจสอบการทำงาน เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งที่ถูกมองว่าเป็นพรรคสาขา แต่เป็นพรรคตัวเลือก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ต.ค. 66)
Tags: กัณวีร์ สืบแสง, ปดิพัทธ์ สันติภาดา, พรรคการเมือง, พรรคก้าวไกล, พรรคเป็นธรรม, รองประธานสภา