ORI กวาดยอดขาย 9 เดือน 3.69 หมื่นลบ. เข้าใกล้เป้าหมายทั้งปี ติดเครื่องโค้งสุดท้ายเปิด 12 โครงการ

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) กล่าวว่า ช่วงไตรมาส 3/66 (ก.ค.-ก.ย. 66) บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ 12,475 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 7% แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 75% และยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรรภายใต้บมจ.บริทาเนีย (BRI) ราว 25% หากเทียบตามสถานะโครงการ เป็นยอดขายจากกลุ่มโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) ราว 57% และยอดขายจากกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขาย (New Launch) และอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (Ongoing) ประมาณ 43% ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมียอดขายโครงการที่อยู่อาศัยสะสมแล้วกว่า 36,940 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 26% และคิดเป็น 82% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี

“การเดินหน้าเจาะทำเลศักยภาพใหม่ๆ ทั่วประเทศ ตามแผนงาน Origin Infinity ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญให้เราสามารถกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงตลาดลูกค้าใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะยังอยู่ในสภาวะทรงตัว แต่เรายังเห็นความต้องการซื้อทั้งเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อการลงทุน ในทำเลศักยภาพหลายทำเล เช่น โซนฝั่งธนบุรีและโซนหัวเมืองขนาดใหญ่อย่างภูเก็ตและขอนแก่น” นายพีระพงศ์ กล่าว

โดยที่โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่เพิ่งเปิดขายในช่วงปลายไตรมาส 3/66 จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ แกรนด์ แฮมป์ตัน ทองหล่อ (Grand Hampton Thonglor) ออริจิ้น เพลส ขอนแก่น-กัลปพฤกษ์ (Origin Place Khon Kaen Kanlapaphruek) และดิ ออริจิ้น กะทู้-ป่าตอง (The Origin Kathu-Patong) ได้รับการตอบรับอย่างยอดเยี่ยม โดยมียอดขายสะสมนับตั้งแต่เปิดตัว (Take up rate) เฉลี่ยอยู่กว่า 40% ขณะเดียวกัน โครงการที่ทยอยเปิดตัวตั้งแต่ต้นปี ก็มีส่วนสำคัญในการผลักดันยอดขายภาพรวม อาทิ โซ ออริจิ้น ศิริราช (So Origin Siriraj) ออริจิ้น เพลส พหล 59 สเตชั่น (Orign Place Phahol 59 Station) ออริจิ้น เพลส เพชรเกษม (Origin Place Phetkasem) ดิ ออริจิ้น เซ็นเตอร์ ภูเก็ต (The Origin Centre Phuket)

สำหรับแบรนด์หลักที่ใช้เจาะตลาดฝั่งคอนโดมิเนียม 3 แบรนด์ ได้แก่ ออริจิ้น เพลส (Origin Place) ดิ ออริจิ้น (The Origin) และโซ ออริจิ้น (So Origin) ยังคงได้รับการตอบรับที่ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง โดยดีไซน์ ฟังก์ชัน ตลอดจนแนวคิดการออกแบบการอยู่อาศัยของทั้ง 3 แบรนด์ ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่โดนใจผู้บริโภคหลายๆ ทำเล อาทิ การออกแบบให้มีตู้เก็บของอัจฉริยะ (Smart Closet) การออกแบบห้อง Duo Space เพดานสูง 4.2 เมตร การพัฒนาให้บางโครงการหรือบางอาคารในโครงการเป็น Pet Lover Condo มีฟังก์ชัน การออกแบบ ตลอดจนพื้นที่ส่วนกลางรองรับการอยู่อาศัยของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง

ในช่วงไตรมาส 4/66 (ต.ค.-ธ.ค. 66) บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีกทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,550 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,650 ล้านบาท โดยยังคงใช้ 3 แบรนด์หลักในการบุกตลาด กระจายตัวทั้งในกรุงเทพฯ อาทิ ปิ่นเกล้า สุขุมวิท ตลอดจนหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ พัทยา บางแสน นครราชสีมา และโครงการบ้านจัดสรร 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 8,900 ล้านบาท เน้นเจาะตลาดแมสด้วยแบรนด์บริทาเนีย (Britania) พร้อมทั้งเสริมทัพด้วยแบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่างแกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) และแบรนด์ลักชัวรีอย่างเบลกราเวีย (Belgravia) กระจายตัวทั้งในฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ได้แก่ ราชพฤกษ์ บางนา-บางปะกง เวสต์เกต

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่สะสมยอดขายไว้แล้วกว่า 82% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี และแผนการดำเนินงานที่กระจายตัวเปิดโครงการใหม่ในทำเลศักยภาพอย่างต่อเนื่อง บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายทั้งปี 45,000 ล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ต.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top