นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พร้อมกับมีข้อสังการให้ ปปง.ดำเนินการ ดังนี้
1. เสริมสร้างภาพลักษณ์สำนักงาน ปปง. ให้โปร่งใส สุจริต เที่ยงธรรมในการปฏิบัติงาน ผลักดันการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตที่ดีและความคาดหวังของประชาชน ปราบปรามผู้มีอิทธิพล ปราบปรามยาเสพติดเพื่อคืนลูกหลานให้กับครอบครัว ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นต้น โดยกำชับให้สำนักงาน ปปง. ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน ภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายและมาตรฐานสากลเป็นสำคัญ
2. เร่งรัดดำเนินการยกระดับการปฏิบัติงานตามมาตรฐานสากล เพิ่มบทบาทการทำงานของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีในฐานะที่เป็นประเทศที่มีการดำเนินงานตามมาตรฐานสากลในระดับเดียวกับนานาอารยประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมถึงเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบการเงินของประเทศไทย และสร้างความน่าเชื่อถือด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ
3. ให้สร้างภาคีเครือข่ายในการปฏิบัติงานร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายภาคประชาชน ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ในรูปแบบความร่วมมือ ปปง. ภาคประชาชน เพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยยึดหลักคุณธรรมและสุจริต
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สำนักงาน ปปง. เป็นหน่วยงานสำคัญที่มีความเชื่อมโยงกับความมั่นคง ซึ่งปัจจุบันธุรกิจสีเทารวมถึงธุรกรรมทางด้านการเงิน เป็นองค์ประกอบใหญ่ ที่ทำให้เครือข่ายสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเรื่องยาเสพติด หรือพนันออนไลน์ และอีกหลายเรื่อง ซึ่ง ปปง.เป็นองค์กรสำคัญที่จะมากำกับดูแล โดยเฉพาะเรื่องการยึดทรัพย์ ซึ่งจะเป็นการทำลายต้นตอของปัญหาหลายอย่าง
“วันนี้ได้มาให้กำลังใจ และมอบนโยบายให้ ปปง. โดยกำชับให้ทำงานอย่างรวดเร็วกระชับ ยึดหลักยุติธรรม และหลักสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ ให้โอกาสกับผู้ทำผิดด้วย แต่การกระทำที่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างชัดเจน โปร่งใส และสาธารณชนรับรู้ได้ โดยเมื่อทำการยึดทรัพย์มา ก็ต้องเผยแพร่ข้อมูลให้ทราบ และวันนี้มากำชับก็ต้องรวดเร็วขึ้น กระชับขึ้น ถึงการโยกย้ายถ่ายเท โดยมีกำหนดกรอบระยะเวลา และไทม์ไลน์ที่ชัดเจนในแต่ละคดี” นายกรัฐมนตรี ระบุ
ส่วนกรณีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นในระดับผู้บริหารก่อนหน้านี้ จะปรับปรุงภาพลักษณ์อย่างไรนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า เชื่อว่าวันนี้พูดแล้วทุกคนเข้าใจถึงเรื่องที่สังคมมีข้อกังขาอยู่ การมอบนโยบายวันนี้ ก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานอย่างสุจริต รอบคอบ รวดเร็ว และตอบโจทย์สังคม และขอให้รอดูกันต่อไป ทั้งนี้เชื่อว่าประสิทธิภาพการทำงานจะดีขึ้น ข้อครหาต่อสังคมต้องลดน้อยลง
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธาน ปปง. กล่าวรายงานช่วงต้นว่า สำนักงาน ปปง.ตั้งมา 24 ปี นายกฯเศรษฐาเป็นคนแรกที่จะมากำกับดูแล ปปง.ด้วยตนเอง ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และเป็นขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ เพราะการทำงานของ ปปง. อยู่ภายใต้ความกดดัน
ส่วนงบประมาณ ปปง. มี 432 ล้านบาท ที่ผ่านมามีการดำเนินการยึดทรัพย์ไปแล้วกว่า 8.2 หมื่นล้าน และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการอีกกว่า 6 พันล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ต.ค. 66)
Tags: ฉัตรชัย พรหมเลิศ, ปปง., เศรษฐา ทวีสิน