นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวปาฐกถา “The Big Change : Empowering Thailanld’s Economy” โดยยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมาเครื่องยนต์ของประเทศเดินช้ามาก โดยมองว่าหากสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งได้ เศรษฐกิจไทยจะไปได้ไกลมาก ซึ่งในส่วนนี้จำเป็นต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องน้ำทั้งระบบ ซึ่งหากแก้ปัญหาได้ การเติบโตของประเทศ (GDP) จะปรับตัวดีขึ้นมาก เนื่องจากไทยมีการเชิญธุรกิจระดับโลกมาลงทุน ทำให้มีความต้องการน้ำเป็นจำนวนมาก ดังนั้นถ้าเราไม่ให้ความมั่นใจเรื่องน้ำ ก็จะเป็นปัญหาในการดึงดูดนักลงทุน ซึ่งรัฐบาลขอเวลาไม่เกิน 3 เดือนจะเห็นผลเป็นบวก
ในส่วนการที่บริษัทต่างประเทศจะมาลงทุนเรื่องพลังงานสะอาด นายเศรษฐา กล่าวว่า ในเรื่องรถ EV ที่ไทยต้องการเป็น EV Hub ที่ใหญ่ที่สุด แต่จะทำอย่างไรกับภาคอุตสาหกรรมเดิม ถือเป็นโจทย์ยากของรัฐบาลนี้
“เชื่อหลายคนกังวลใจอยู่ แต่เรื่อง EV เป็นเรื่องที่รัฐบาลสนับสนุนต่อ บนโจทย์ที่ยาก รัฐบาลพยายามดูแลสมดุลทั้ง 2 ส่วนนี้” นายเศรษฐา กล่าว
ในส่วนของภาคท่องเที่ยว ไทยได้เปรียบทุกๆ ด้าน แต่เรื่องกฏหมายหรือข้อบังคับต่างๆ เช่น การขยายเวลาการเปิดสถานประกอบการกลางคืน อาจต้องพิจารณาว่า การปิดเวลาเที่ยงคืน หรือตีหนึ่งนั้น เพียงพอกับการแข่งขันกับเมืองอื่นๆ ทั่วโลกหรือไม่ ในฐานะที่เป็น Hub การท่องเที่ยวหรือไม่ ถ้าไม่พอก็ต้องยอมรับและมาพิจารณาว่าควรขยายเวลา หรือควบคู่กับระบบภาษีทำให้ประเทศไทยดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลนี้เตรียมพร้อมหลายนโยบายที่จะออกมา เพื่อสนับสนุนไทยเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยว
นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ไม่อยากให้มองตนเป็นนายกฯ แต่อยากให้มองเป็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่ได้รับมอบหมายจากทุกคน ที่จะนำประเทศไทยไปสู่จุดที่ไปถึงได้
“ผมอยากบอกว่า จะเป็นนายกฯ ผู้นำประเทศ จะเรียกให้สวยหรูอย่างไร หน้าที่ผมวันนี้ คือ เป็นเซลล์แมน ต้องขายสินค้าดีๆ ของประเทศให้ได้ ต้องไปขายความเชื่อมั่นที่นักลงทุนให้กับประเทศให้ได้ มันเป็นหน้าที่ เป็นภารกิจหลักในฐานะเซลล์แมนเบอร์หนึ่งของประเทศ ต้องทำเรื่องนี้เกิดขึ้นให้ได้” นายเศรษฐา กล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลต้องทำให้นักลงทุนมั่นใจ ด้วยการทำกฏหมายที่ยังซับซ้อนหรือไม่เอื้อให้เกิดการทำธุรกิจ ไม่ให้เป็นอุปสรรค แม้จะเป็นภารกิจไม่ง่ายแต่ต้องจริงใจและแก้ปัญหานี้ให้ได้ เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ลงทุนในหลายประเทศมาก่อน ประเทศไทยมีหลักการมาก และบางหลักการไม่เป็นอินเตอร์ ถ้าทลายกำแพงได้ ประเทศพร้อมเปิดประตูการแข่งขันเต็มที่ เป็นภารกิจที่ไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
“ภารกิจนี้เป็นภารกิจใหญ่ เอกชนก็มาร่วมมือกัน ต้องมีความเชื่อ ความหวังว่าจะไปด้วยกัน เราจะทำได้ บริบทใหม่ของกระทรวงการต่างประเทศ ก็ต้องเป็นเซลล์แมนที่ดีด้วย จะต้องเป็นหัวหอกสำคัญในการเจรจา FTA ควบคู่ไปกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเปิดประตูการค้าให้มากยิ่งขึ้น ทูตต่างๆ ในประเทศสำคัญ ต้องพบปะกับนักลงทุนมากขึ้น ต้องไม่กลัวที่จะเจอนักลงทุน ซึ่งรัฐบาลต้องการให้ภาคธุรกิจไปด้วยในนามทีมไทยแลนด์ ต้องไปช่วยให้ความมั่นใจกับนักลงทุน ถือเป็นบริบทใหม่ในการทำงานของรัฐบาล และถ้าไม่ขัดกฏหมายหรือนิติธรรม อยากให้ทุกคนมีความพร้อมเดินทางไปดึงดูดนักลงทุนเข้ามา” นายเศรษฐา กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ต.ค. 66)
Tags: EV, GDP, เศรษฐกิจไทย, เศรษฐา ทวีสิน