กลุ่มท่องเที่ยวปรับตัวลงรับปัจจัยลบจากเหตุการณ์ยิงในห้างสยามพารากอนวานนี้
เมื่อเวลา 10.18 น.
AOT ปรับลง 2.14% หรือ 1.50 บาท มาที่ 68.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 985.81 ล้านบาท
AAV ปรับลง 3.01% หรือ 0.08 บาท มาที่ 2.58 บาท มูลค่าซื้อขาย 33.00 ล้านบาท
CENTEL ปรับลง 5.29% หรือ 2.50 บาท มาที่ 44.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 257.90 ล้านบาท
MINT ปรับลง 2.42% หรือ 0.75 บาท มาที่ 30.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 93.33 ล้านบาท
จากเหตุยิงกลางห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวาน (3 ต.ค.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาวจีน 1 ราย เสียชีวิตบริเวณชั้น G ส่วนชาวเมียนมา 1 รายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 คนนั้น
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มีมุมมองเป็นลบต่อกลุ่มท่องเที่ยว เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต ซึ่งจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยที่จะเดินทางมาเที่ยวไทยลดลงไปอีก จากเดิมที่มีความกังวลอยู่แล้วเพราะก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์รุนแรงที่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีนมาซักระยะหนึ่ง ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวในไทย และจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นน้อยกว่าประมาณการได้ (เราคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนปี 2566 จะอยู่ที่ 4 ล้านคน, นักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่ 1 ม.ค.-1 ต.ค. 66 อยู่ที่ 2.5 ล้านคน)
โดยกลุ่มท่องเที่ยวที่เรามองว่าจะมีผลกระทบมากที่สุดเรียงตามสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวในประเทศไทย ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR และกลุ่ม Aviation ได้แก่ AAV, AOT นอกจากนี้ยังกระทบต่อ BAFS ด้วย อย่างไรก็ดี หากเทียบกับตอนเรือล่มที่ภูเก็ตเมื่อเดือน ก.ค.18 จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 3 เดือนติดต่อกันจากระดับเดือนละ 8.7 แสนคน เหลือ 6.5 แสนคน แต่หลังจากนั้นมีฟรีวีซ่าทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนกลับมาสู่ระดับเดิม ซึ่งเราคาดว่าผลกระทบในรอบนี้จะน้อยกว่า 3 เดือนเพราะมีฟรีวีซ่าอยู่แล้ว สำหรับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและการบินเรายังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด”
บล.กสิกรไทย ประเมินผลกระทบเหตุสลดที่พารากอนต่อภาพรวมนักท่องเที่ยว และกลุ่มท่องเที่ยว คาดระยะสั้นกระทบ sentiment โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวโดยรวมมองยังขยายตัวได้ตามประมาณการที่ 27 ล้านคนในปีนี้ เนื่องจากตัวเลขนักท่องเที่ยวในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 20 ล้านคน หรือเฉลี่ยเดือนละ 2.2 ล้านคน และ 41 ล้านคนในปีหน้า
หากลองย้อนเหตุการณ์กรณีเหตุระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมเดือนสิงหาคม 2558 มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 ราย และบาดเจ็บกว่า 163 คน โดยในคราวนั้นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวหลักๆ ปรับตัวลงในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังเกิดเหตุระเบิด เช่น CENTEL (-15.2% WoW), ERW (-12.6% WoW),AOT (-11.5% WoW), และ MINT (-5.5% WoW) เป็นต้น อย่างไรก็ตามพบว่าหุ้นทั้งหมดรีบาวด์กลับมาที่เดิมราวๆ 1-2 เดือนหลังเกิดเหตุระเบิด
ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวคาดสร้าง Sentiment เชิงลบต่อกลุ่มท่องเที่ยวในระยะสั้น จากความเชื่อมั่นในการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกับความคาดหวังการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนบางส่วนมีความกังวลต่อการเดินทางมาท่องเที่ยวไทยอยู่แล้ว จากกระแสเชิงลบของคดีเกี่ยวกับคนจีนในไทย และหนังจีนที่สร้าง มุมมองลบต่อการเดินทางเข้าประเทศโซน South East Asia เหตุการณ์ดังกล่าวอาจกระตุ้นความไม่เชื่อมั่นในการเดินทางในมุมมองคนจีน
หุ้นที่มีโอกาสได้รับผลกระทบเชิงลบหุ้นโรงแรม ERW CENTEL MINT SHR AWC หุ้น สนามบินและสายการบิน AOT, AAV, BA และหุ้นขนาดเล็กที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว อย่าง SPA
อิงข้อมูลในอดีต เหตุการณ์ความรุนแรงที่กระทบความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวไทย ส่งผลให้หุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงปรับตัวลงในกรอบ 2%-10% DoD
“เชิงกลยุทธ์ ระยะสั้นหุ้นท่องเที่ยวมีโอกาสซึมตัว จากการถูกลดน้ำหนักการลงทุนเพราะความเสี่ยงดังกล่าว และหุ้นในกลุ่มส่วนใหญ่มี Upside ที่จำกัด นักลงทุนอาจรอให้หุ้นปรับตัวลงสร้างฐานก่อนกลับเข้าเก็งกำไรอีกครั้ง”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ต.ค. 66)
Tags: กราดยิง, สยามพารากอน, หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว, หุ้นร่วง