หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามภูมิภาค รับบอนด์ยีลด์พุ่ง-เหตุสยามพารากอนกระทบกลุ่มท่องเที่ยว

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงสอดคล้องกับตลาดภูมิภาค โดยได้รับแรงกดดันจากบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 16 ปี โดยนักลงทุนมองว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกและคงอัตราดอกเบี้ยระยะยาว รวมทั้งเหตุการณ์ที่สยามพารากอนเมื่อวานนี้ อาจกระทบหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวพร้อมให้แนวรับที่ 1,420 – 1,430 จุดและแนวต้าน 1,450 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดปรับตัวลงสอดคล้องกับตลาดภูมิภาค โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ(บอนด์ยีลด์) 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 4.8% ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 16 ปี จากการที่นักลงทุนมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก และอาจคงอัตราดอกเบี้ยระยะยาว หลังจากเมื่อคืนมีการเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานของสหรัฐสูงกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนว่าเศรษฐกิจและภาคตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่งอยู่

นอกจากนี้จากเหตุการณ์ที่สยามพารากอนเมื่อวานนี้ อาจจะกระทบกับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เนื่องจากหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน

พร้อมให้แนวรับที่ 1,420 – 1,430 จุด และแนวต้าน 1,450 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (3 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,002.38 จุด ลดลง 430.97 จุด หรือ -1.29%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,229.45 จุด ลดลง 58.94 จุด หรือ -1.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,059.47 จุด ลดลง 248.31 จุด หรือ -1.87%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 30,765.03 จุด ร่วงลง 472.91 จุด หรือ -1.51% ขณะที่ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 17,266.82 จุด ลดลง 64.40 จุด หรือ -0.37% ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ (4 ต.ค.) เนื่องในวันชาติ
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ต.ค.66) 1,447.30 จุด ลดลง 22.16 จุด (-1.51%) มูลค่าซื้อขาย 60,393.44
    ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,404.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ต.ค.66
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. (3 ต.ค.). เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 89.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ต.ค.) อยู่ที่ 5.86 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 37.06 แนวโน้มยังอ่อนค่า ดอลลาร์แข็งค่ากดดัน-จับตา Flow
  • “เศรษฐา” นั่งประธานคณะกรรมการเงินดิจิทัล ประชุมนัดแรกสัปดาห์นี้ เผยแหล่งเงิน 2 แนวทาง ออกกฎหมายกู้เงินหรือใช้เงินแบงก์รัฐ ยืนยันเริ่มแจก 1 ก.พ.ปีหน้า “จุลพันธ์” คาดปลายเดือนนี้ได้ข้อสรุป ยืนยันไม่ออก พ.ร.ก.กู้เงินปฏิเสธข่าวขยายเพดานหนี้ไปที่ 45% นายกฯ สั่งเฝ้าระวังบาทอ่อนแรง รับห่วงกระทบนำเข้าน้ำมัน แต่ไม่แทรกแซง ให้ ธปท.ดูแล
  • “พีระพันธุ์” เล็งรื้อกฎหมายคุมค่าการตลาดไม่เกิน 2 บาท เป็นสาเหตุหนึ่งดันราคาเบนซินแพง คาดชัดเจนเร็วๆ นี้ ขู่งัดบทลงโทษ ด้าน สกนช.โอด คาดการณ์บัญชีจ่อติดลบ 1 แสนล้าน หลังตรึงดีเซลไม่เกิน 30 บาทถึงสิ้นปี 66
  • นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เรียกนายภากร ปีตธวัชชัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เข้าพบเพื่อสั่งการให้ไปดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำกับดูแลเรื่องหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE และบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK โดยต้องให้มีการดำเนินการทางกฎหมายและป้องกันไม่ให้เกิดอีก เพราะกระทบความเชื่อมั่นใจของนักลงทุน รวมถึงสั่งการให้ไปจัดทำแผนการเดินทางออกไปชักชวน (โรดโชว์) นักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วย
  • นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม คาดว่าวาระเรื่องการจัดเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายสำหรับรถไฟฟ้านั้น จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 10 ต.ค.66 เนื่องจากทางสำนักงานเลขาธิการ ครม.ต้องสอบถามความเห็นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ก่อนที่จะเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติของ ครม.เพื่อให้มีผลบังคับต่อไป

หุ้นเด่นวันนี้

  • BBL (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 190 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/66 คาดเติบโตเด่น y-y แรงหนุนจากส่วนต่างดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น ผสานกับพอร์สินเชื่อที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนด้านคุณภาพสินทรัพย์คาดยังอยู่ในเกณฑ์ดี ล่าสุดประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้น 0.25% และปรับดอกเบี้ยเงินฝากขึ้น 0.1-0.25% ซึ่งคาดจะเป็นแรงหนุนต่อ NIM ในช่วง 4Q23 ขณะที่ Valuation ปัจจุบันเทรดระดับ PBV เพียง 0.6 เท่า
  • MEGA (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 54 บาท ได้ประโยชน์จาก Mega trend ของสังคมผู้สูงวัย และ เทรนด์รักสุขภาพ หนุนยอดขายและรายได้โตต่อเนื่อง ระยะสั้นได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่าเนื่องจาก MEGA มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 80% ของรายได้
  • AUCT (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 12.50 บาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิ ไตรมาส 2/66 ที่ 65 ล้านบาท -32%QoQ, 46%YoY ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลมีวันหยุดเยอะ ยังเติบโต YoY จากปริมาณรถเข้าสู่ลานประมูลและปริมาณรถจบประมูลเพิ่มขึ้นจากการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงิน ประกอบกับการปรับขึ้นค่าดำเนินการรถยนต์ตั้งแต่ ส.ค.65 และจักรยานยนต์ Big Bike ตั้งแต่ พ.ย.65 แนวโน้ม 2H66 คาดยังเติบโตต่อเพราะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ โดยปริมาณรถยึดในตลาดจะมากขึ้นตามแนวโน้มของ NPL ของสินเชื่อรถยนต์ในระบบ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66 ที่ 325 ล้านบาท +29%YoY

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ต.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top