นายสิทธิชัย กฤชวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โซลาร์ตรอน (SOLAR) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 66 คาดว่ารายได้จะเติบโต 15-20% จากปีก่อน เนื่องจากบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังได้รับงานโครงการใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และในส่วนของโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ ได้มีการปรับปรุงและพัฒนา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รองรับคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทฯดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนอาคารในรูปแบบ Private PPA (Private Power Purchase Agreement) ให้กับลูกค้า เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มีสัญญากำลังการผลิตติดตั้ง 21 เมกะวัตต์ ซึ่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว 9 เมกะวัตต์, บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (Cal-Comp) มีสัญญากำลังการผลิตติดตั้ง 4.9-5 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถเริ่มขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนก.พ.67
นอกจากนี้ ยังมีโครงการโซลาร์ฟาร์ม ในจังหวัดอ่างทอง และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กำลังการผลิตรวม 9 เมกะวัตต์ ซึ่งช่วยสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัทฯสนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต ขณะเดียวกันยังเตรียมแตกไลน์ธุรกิจพลังงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่พลังงานจากแสงอาทิตย์ เช่น พลังงานน้ำ พลังงานลม เป็นต้น คาดว่าในช่วงต้นปี 67 จะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น
ในส่วนธุรกิจ EPC ซึ่งเป็นธุรกิจที่ให้บริการติดตั้งโซลาร์เซลล์ มีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่ดี จากการคว้างานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีการให้บริการในรูปแบบ EPC ซึ่งได้มีการดำเนินการไปแล้วมากกว่า 250 เมกะวัตต์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ EPC เพื่อเพิ่มโอกาสความสามารถในการคว้างานใหม่ได้มากขึ้น โดยอยู่ระหว่างรอลงนามในสัญญางานขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 900 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาว่าจ้างได้ภายในปีนี้
“บริษัทฯยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อธุรกิจเดิม และแตกไลน์สู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างการเติบโตทั้งในแง่ของรายได้และกำไร โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% และมั่นใจว่าในปี 67 จะกลับมาเทิร์นอะราวด์ตามแผนงานที่วางไว้” นายสิทธิชัย กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ย. 66)
Tags: SOLAR, สิทธิชัย กฤชวิวรรธน์, แผงโซลาร์เซลล์, โซลาร์ตรอน