ฮัทชิสันพอร์ทประเทศไทยชูบทบาทท่าเทียบเรือเพื่อพัฒนาอุตฯขนส่งทางทะเลที่ยั่งยืน

บริษัท ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย (HPT) ผู้ประกอบการท่าเรือชั้นนำในประเทศไทย ผลักดันแนวคิดการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในการรองรับของเสียจากเรือขนส่งสินค้าในท่าเรือ เพื่ออุตสาหกรรมการขนส่งทางทะเลที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

มร. สตีเฟ้นท์ อาร์ชเวิรท กรรมการผู้จัดการ ฮัทชิสัน พอร์ท ประจำประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เข้าร่วมปาฐกถาในหัวข้อ “การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดการของเสียจากเรือขนส่งสินค้า (Reception Facilities)” ที่คณะพาณิชยนาวีนานาชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา และกล่าวว่า เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ให้เข้าร่วมพิธีแต่งเครื่องแบบ ประดับเครื่องหมายชั้นปี แก่นักศึกษาพาณิชยนาวี ประจำปี 2566 ซึ่งตรงกับวันทางทะเลโลก โดยปีนี้ IMO ได้กำหนดให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมฯ ร่วมผลักดันการดำเนินงานตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ หรือ MARPOL อย่างต่อเนื่อง

องค์การ IMO ได้กำหนดให้อนุสัญญา MARPOL เป็นหนึ่งในเสาหลักในการป้องกันมลพิษและปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเลจากการปฏิบัติการเรือหรืออุบัติเหตุทางทะเลระหว่างการปฏิบัติการขนส่งสินค้า โดยหนึ่งในสาระสำคัญของอนุสัญญาฯ ได้กำหนดให้ท่าเทียบเรือต้องอำนวยความสะดวกในการรองรับและจัดการของเสียจากเรือขนส่งสินค้า เพื่อป้องกันการปล่อยทิ้งน้ำมันและสารอันตรายต่างๆ จากเรือลงสู่ทะเล

กลุ่มบริษัท ฮัทชิสัน พอร์ท ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนา Reception Facilities ในท่าเทียบเรือ Westports ท่าเรือ Port Klang ประเทศมาเลเซีย ด้วยเม็ดเงินลงทุน 450 ล้านบาท บนพื้นที่ 1.7 เอเคอร์ โดยตั้งเป้าการดำเนินงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน เมื่อการก่อสร้าง Reception Facilities เสร็จสิ้น Westports จะสามารถรองรับและจัดการกากของเสียและของเหลวมีพิษจากเรือขนส่งสินค้าตามข้อกำหนดของ IMO ทั้งยังสามารถรีไซเคิลและบำบัดของเสียภายในท่าเทียบเรือให้พร้อมเข้าสู่กระบวนการกำจัดของเสียในขั้นตอนสุดท้าย

“เราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลไทยจะเล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนา Reception Facilities เพื่อยกระดับการให้บริการของท่าเรือแหลมฉบังให้สอดคล้องกับความต้องการของสายการเดินเรือระดับโลกได้อย่างรอบด้านมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการผลักดันให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือสีเขียวและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต” มร. สตีเฟ้นท์ กล่าวเสริม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top