SAV ปิดเทรดวันแรกที่ 15.30 บาท ลดลง 3.70 บาท (-19.47 %) มูลค่าซื้อขาย 2,266.17 ล้านบาท จากราคา IPO 19.00 บาท จากราคาเปิด 18.80 บาท ราคาสูงสุด 19.10 บาท ราคาต่ำสุด 15.30 บาท
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการ บมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) กล่าวว่า การที่ SAV เปิดซื้อขายวันแรกต่ำกว่าราคาจองน่าจะเป็นเพราะสภาวะการลงทุนถูกปัจจัยลบหลายอย่าง ทั้งสภาวะตลาดหุ้นอเมริกาลดลงและบริษัทจีนขนาดใหญ่ที่กำลังมีปัญหา มีผลต่อความบรรยากาศการลงทุนพอสมควร
SAV เป็นหุ้นด้านการบินที่มีพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตสูง จากปริมาณการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีสถานะการเงินที่ดี ไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย แต่มีนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ และคณะกรรมการได้อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.75 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 4% ซึ่งคาดว่าจะกำหนดวันจ่ายปันผลเร็วๆ นี้
บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า ขณะนี้มีบางสื่อลงข่าวว่ามีนักลงทุนรายใหญ่ซื้อหุ้น IPO ในราคาต่ำกว่าราคาจอง 19 บาทนั้น บริษัทฯ ขอยืนยันว่าข่าวนี้เป็น Faked News และไม่เป็นความจริง เนื่องจากบริษัทฯ ได้จำหน่ายหุ้นทั้งหมดผ่านโบรกเกอร์ชั้นนำได้ครบทั้ง 166 ล้านหุ้นและได้รับเงินทั้งหมด (ก่อนหักค่าธรรมเนียม) 3,154 ล้านบาท ขอให้นักลงทุนอย่าได้หลงเชื่อข่าวเท็จดังกล่าว
“ผมขอยืนยันว่า SAMART ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ SAV ได้นำหุ้นเดิมของ SAV ทั้งหมดล็อคอัพทั้ง 100% เป็นเวลา 6 เดือน…จึงไม่มีการขายหุ้นออกมาในตลาดฯ อย่างแน่นอน ขอให้นักลงทุนสบายใจได้และในการจองหุ้นไอพีโอนั้น นักลงทุนสถาบันหลายแห่งได้จองซื้อหุ้นไอพีโอจำนวน 45% ของหุ้นไอพีโอทั้งหมด เนื่องจาก เชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งคาดว่าจะเติบโตสูงและมั่นคง อีกทั้งมีนโยบายปันผลสูง และ นักวิเคราะห์ชั้นนำกว่า 10 โบรคเกอร์ ให้ราคาเหมาะสมของ SAV ประมาณ 25-29 บาท” นายวัฒน์ชัย กล่าว
บล.ทิสโก้ ให้ความเห็นหุ้น SAV เป็นธุรกิจให้บริการบริหารจัดการควบคุมการจราจรทางอากาศทั่วน่านฟ้าประเทศกัมพูชาของบริษัทย่อย (CATS) เป็นธุรกิจผูกขาดที่บริษัทได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก เนื่องจากบริษัทเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาจนได้รับสัมปทานแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่การเสนอราคาแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่น สะท้อนถึงการไม่มีคู่แข่งในอุตสาหกรรม รวมทั้งการบริหารจัดการควบคุมการจราจรทางอากาศต้องใช้ความเชี่ยวชาญและเงินลงทุนที่สูง ทั้งระบบ อุปกรณ์ต่างๆ และทักษะความสามารถของบุคลากรที่ปฏิบัติงาน จึงหาคู่แข่งที่จะมาทดแทนได้ยาก ซึ่งบริษัทได้รับการขยายเวลาสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชารวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง ตามการลงทุนพัฒนาอุปกรณ์และระบบเพิ่มเติม ทำให้ขณะนี้อายุสัมปทานยังเหลืออีก 28 ปี
วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้เป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างการถือหุ้น ดังนั้น SAV จึงต้องไปซื้อ CATS มาจาก SAMART และยังคงเหลือหนี้ในส่วนนี้อยู่จำนวนหนึ่ง ดังนั้น เงินที่ได้จากการระดมทุนจะทำให้ SAV ปลอดภาระหนี้สินที่มีอยู่ทั้งสิ้น เราจึงมองว่าการกระดมทุนในครั้งนี้มีความเหมาะสม
แต่มีประเด็นที่ต้องติดตามต่อจากกรณีที่ SIH นำหุ้นสามัญมาเสนอขายในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้การเสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 166 ล้านหุ้น ส่วนหนึ่งมาจากหุ้นสามัญเพิ่มทุน 64 ล้านหุ้น และอีก 102 ล้านหุ้น เป็นหุ้นสามัญของ SIH ที่เสนอขายในครั้งนี้ นอกจากนี้บริษัทตั้งใจจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท ให้กับผู้ถือหุ้นทุกรายของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงผู้ลงทุนที่ซื้อหุ้นภายหลังจากที่หุ้นสามัญของบริษัทฯ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (First Trading Day) ด้วย หากที่ประชุมมีการอนุมัติอีกรอบ
บทวิเคราะห์ระบุว่า รายได้ของบริษัทผันแปรตามจำนวนเที่ยวบินและอัตราค่าบริการที่ขึ้นอยู่กับประเภทของเที่ยวบิน และขนาดของเครื่องบิน โดยในช่วงที่ผ่านมา มีรายได้หลักจากให้บริการบินผ่านน่านฟ้าประเทศกัมพูชา (Overflight) คิดเป็นประมาณร้อยละ 60-70 ของรายได้รวม รองลงมาเป็นรายได้จากเที่ยวบินขึ้นลงระหว่างประเทศราวร้อยละ 20-30 ของรายได้รวม ขณะที่หากกลับสู่ภาวะปกติรายได้ทั้ง 2 รูปแบบ จะกลับมาใกล้เคียงกัน
ระยะสั้นเรามองว่า รายได้จะปรับตัวดีขึ้น จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวและกลับมาสู่ระดับปกติ รวมทั้งฐานที่ต่ำในช่วงโควิด-19 ซึ่ง 1H23 ปริมาณนักท่องเที่ยวชาวจีน (นักท่องเที่ยวหลัก) ยังกลับมาเพียงแค่ราวร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งปี 2019 และหลังจากรายได้ฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติ มองว่ารายได้จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงกว่าช่วงฟื้นตัว
ในระยะสั้นอัตรากำไรสุทธิมีแนวโน้มฟื้นตัว ตามปริมาณเที่ยวบินที่ฟื้นตัวและฐานที่ต่ำในช่วงโควิด-19 แต่อัตราการค่าบริการที่เป็นไปตามที่รัฐบาลกัมพูชากำหนด และไม่ได้มีการปรับขึ้นบ่อยครั้ง รวมทั้งแนวโน้มค่าใช้จ่ายในการบริหารที่สูงขึ้น จากจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยกดดันต่ออัตรากำไรสุทธิ ขณะที่ระยะยาวคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะขยายตัวต่อเนื่องตามรายได้ที่ขยายตัว
ปัจจัยที่ต้องติดตามต่อ 1) การเปิดให้บริการสนามบินแห่งใหม่ในกัมพูชา 2) การสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของรัฐบาลกัมพูชาและประเทศใกล้เคียง 3) การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาและประเทศข้างเคียง 4) การปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทในเครือ
ความเสี่ยง 1) การเมืองในประเทศกัมพูชา 2) การพึ่งพิงรายได้จากการบริหารจัดการควบคุมการจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชาเพียงอย่างเดียว 3) การถูกยกเลิกหรือสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน 4) ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
จากการประเมินมูลค่าเบื้องต้น มองว่ามูลค่าเหมาะสม ณ ราคา IPO สูงเกินไป เมื่อเทียบกับ PER ของคู่แข่งที่ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันในอุตสาหกรรมที่ 25.4x เท่า
SAV ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมีบริษัทย่อย ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 100 คือ บริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด (CATS) ที่จดทะเบียนก่อตั้งในประเทศกัมพูชา เพื่อประกอบธุรกิจจัดตั้งระบบและให้บริการบริหารจัดการควบคุมการจราจรทางอากาศทั่วน่านฟ้าประเทศกัมพูชาแต่เพียงผู้เดียวตามสัญญาสัมปทานที่ได้รับจากรัฐบาลประเทศกัมพูชา ซึ่งมีอายุตั้งแต่ปี 2545 ถึงปี 2594 (49 ปี) มีสนามบินให้บริการทั้งหมด 6 แห่งในประเทศกัมพูชา ได้แก่ สนามบินนานาชาติพนมเปญ (Phnom Penh International Airport) สนามบินนานาชาติเสียมเรียบ (Siem Reap International Airport) และสนามบินนานาชาติสีหนุ (Sihanouk International Airport) ซึ่งเป็นสนามบินที่ให้บริการการบินทั้งในและระหว่างประเทศ รวมไปถึงสนามบินพระตะบอง (Battambang Airport) สนามบินเกาะกง (Koh Kong Airport) และสนามบินสตึงเตรง (Stung Treng Airport) ซึ่งให้บริการเฉพาะการบินภายในประเทศเท่านั้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 66)
Tags: SAMART, SAV, สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์, หุ้นไทย