“บีพีเอส เทคโนโลยี” ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 120 ล้านหุ้น เข้า mai ระดมทุนขยายธุรกิจ

บมจ.บีพีเอส เทคโนโลยี (BPS) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ไม่เกิน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท/หุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO

บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อรองรับโครงการไฟเบอร์ออพติก Fiber to the Home (FTTX) เป็นการลงทุนในอุปกรณ์และการติดตั้ง งานเดินโครงข่ายไฟเบอร์ออพติก สำหรับโครงการประเภทคอนโดมิเนียม และอาคารสูงมูลค่า 20 ล้านบาท, โครงการศูนย์การเรียนรู้สำหรับช่างและบุคคลทั่วไป สำหรับงาน FTTX และ Solar Roof-top มูลค่า 4 ล้านบาท และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

BPS มีชื่อเดิมคือ บริษัท บิ๊กไพศาล โปรเจค จำกัด ดำเนินธุรกิจเป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์เชื่อมต่อไฟฟ้าภายในอาคาร ครอบคลุมทั้งท่อร้อยสายไฟและอุปกรณ์ต่อสาย (Conduit & Fitting) สายไฟ สวิตซ์ไฟ ปลั๊ก เบรคเกอร์ สายล่อฟ้า สินค้าเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และอุปกรณ์โซลาร์เซล รวมถึงบริการจัดหา ออกแบบ ติดตั้ง โครงการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์บนหลังคา และระบบควบคุมการจ่ายกระแสไฟฟ้า โครงข่ายไฟเบอร์ออพติกเพื่อการสื่อสาร นอกจากนี้บริษัทได้ขยายธุรกิจไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายภายในบ้านอยู่อาศัยและอาคารเชิงพาณิชย์

ภาพธุรกิจของ BPS ในปี 66-67 นอกจากจากการเป็นแหล่งรวมสินค้าประเภทวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้า เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมครบวงจร (One Smart Supply) ยังมุ่งการเติบโตด้วยการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยดิจิทัลเพื่อความยั่งยืน ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพิ่มขึ้นในรูปแบบของ Solutions ต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคโดยตรง (B2C ) โดยการเป็นศูนย์รวมของสินค้าและบริการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย เรียกว่า “One Smart Builder” (OSB) และ เสนอให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจและโรงงานแบบครบวงจร เรียกว่า “One Smart Factory” (OSF) ซึ่งรวมความต้องการเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ลูกค้าเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท

ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้น 400 ล้านหุ้น โดยเป็นทุนเรียกชำระแล้ว 140 ล้านบาท โดยโครงสร้างผู้ถือหุ้น มีกลุ่มสาเรชพันธุ์ ถือหุ้น 180,645,162 หุ้น คิดเป็น 64.52% หลัง IPO จะลดเหลือ 45.16% นางสาวภัทรภร แก้วโพธิ์คา 45,161,290 หุ้น คิดเป็น 16.13% จะลดเหลือ 11.29% ทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน กองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SME 54,193,548 หุ้น คิดเป็น 19.35% จะลดเหลือ 13.55%

ผลประกอบการในช่วงปี 63-65 บริษัทมีรายได้รวม 524.11 ล้านบาท 514.22 ล้านบาท และ 679.97 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิ 14.51 ล้านบาท 3.54 ล้านบาท และ 20.50 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 2.77%, 0.69% และ 3.01% ของรายได้รวม ตามลำดับ

ทั้งนี้ กำไรสุทธิในปี 64 ลดลงจากปี 63 ราว 10.97 ล้านบาท เนื่องจากกำไรขั้นต้นของสินค้าเชื่อมต่อไฟฟ้าลดลงจากสภาวะการแข่งขัน และค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น แต่กำไรสุทธิในปี 65 เพิ่มขึ้น 16.96 ล้านบาทตามรายได้จากการขายและการบริการที่เพิ่มขึ้น และบริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น

ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีรายได้รวม 346.88 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 10.45 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จากการขายและรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนขายและต้นทุนการให้บริการที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่า จากการแข่งขันด้านราคาและต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรสุทธิต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.88 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top