นายธีระชัย พงศ์พนางาม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมสำหรับการนำหุ้น SAV เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันแรกพรุ่งนี้ ในหมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ โดยมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจาก บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการด้านวิทยุการบินรายเดียวในกัมพูชา มีผลประกอบการที่มั่นคงและคาดว่าจะมีโอกาสที่ผลประกอบการในช่วง 3 ปีนี้จะเติบโตสูงและต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของอาเซียน โดยเฉพาะ ประเทศไทย เวียตนาม ฟิลิปปินส์ และ กัมพูชา
รายได้ของบริษัทมาจากรายได้จากทุกเที่ยวบินที่บินผ่านฟ้ากัมพูชาประมาณ 60% และจากทุกเที่ยวบินที่ขึ้นและลงที่ประเทศกัมพูชา 40% โดยมีสายการบินนานาชาติจำนวนมากเป็นลูกค้าประจำ และ คาดว่าเมื่อนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนกลับมาท่องเที่ยวในไทย เวียตนาม กัมพูชาและประเทศในอาเซียน จำนวนเที่ยวบินจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งบริษัทฯได้เตรียมความพร้อมและได้ลงทุนในเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่างๆเพื่อรองรับการเปิดสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ 2 แห่ง ที่เสียมเรียบซึ่งมีกำหนดการเปิดให้บริการในปลายปีนี้ และที่กรุงพนมเปญในต้นปี 68
ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมยืนยันถือหุ้นแน่นทั้ง 100% โดยชูจุดเด่นธุรกิจพื้นฐานแกร่ง เติบโตพร้อมการท่องเที่ยว รับปัจจัยค่าเงินบาทอ่อน ส่งผลดีสะท้อนอัตราการเติบโต
นอกจากนี้ บริษัทจะมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหลังจากระดมทุนในครั้งนี้ โดยจะนำเงินไปคืนหนี้สถาบันการเงินทั้งหมดจำนวน 840 ล้านบาท จะทำให้บริษัทฯไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย และมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) เท่ากับ 0 และ เร็วๆนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติพิจารณาอนุมัติในหลักการการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นทุกราย (จ่ายจากกำไรสะสมงวดเดือนม.ค.-มิ.ย.66 ) ในอัตรา 0.75 บาท/หุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราตอบแทนเงินปันผลระหว่างกาลสูง 3.95% จากราคาไอพีโอ (โดยคาดว่าจะกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ภายใน 30 วันหลังจากหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์)
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า เชื่อมั่นว่า SAV จะเป็นหุ้นน้องใหม่ใน SET ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจตลอดระยะเวลา 21 ปี บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขยายระยะเวลาสัมปทานต่อเนื่องถึง 4 ครั้ง โดยยังมีอายุสัมปทานยาวนานอีก 28 ปี นับจากนี้ จนถึงปี 94 ทำให้ธุรกิจของ SAV มีเสถียรภาพสูง อีกทั้งมีผลการดำเนินงานที่ดี มีความสามารถในการทำกำไรสูง และเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมการบินในเอเชียมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการขยายตัวของการลงทุนและการท่องเที่ยวในอาเซียน
SAV ขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 166,000,000 หุ้น คิดเป็น 25.94% ของหุ้นสามัญทั้งหมดซึ่งมีจำนวน 640,000,000 หุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 19 บาท และราคาเหมาะสมเฉลี่ยอยู่ที่ 25-29 บาทของนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง อีกทั้ง SAV มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ โดยหุ้นไอพีโอ SAV ทั้งหมด 166 ล้านหุ้น ได้จัดสรรให้นักลงทุนรายย่อย 51% ให้นักลงทุนสถาบัน 45% และให้ผู้ถือหุ้นของ บมจ. สามารถ คอร์ปอเรชั่นที่ได้จองตามสิทธิ (Preemptive Right) 4%
หลังสถานการณ์โควิด-19 ได้จบลง SAV มีผลประกอบการที่กลับมาเติบโตสูงอีกครั้ง โดยรายได้รวมเติบโตจาก 459.04 ล้านบาท ในปี 64 เป็น 1,220.07 ล้านบาทในปี 65 และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 168% จาก 74.35 ล้านบาท ในปี 64 เป็นกำไรสุทธิ 199.55 ล้านบาทในปี 65 และ สำหรับงวด 6 เดือน ของปี 66 มีรายได้รวมอยู่ที่ 710.42 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 114 ล้านบาท โดย SAV มีจุดแข็งด้านศักยภาพธุรกิจแกร่ง ไร้คู่แข่ง เป็นผู้ให้บริการวิทยุการบินแห่งเดียวในกัมพูชา มีโอกาสเติบโตสูงไปพร้อมกับอุตสาหกรรมการบินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการท่องเที่ยวที่จะกลับมาเติบโตสูงหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง อีกทั้ง ในช่วงสภาวะความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอ่อน จะส่งผลเชิงบวกต่ออัตราการเติบโตของรายได้อีกด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 66)
Tags: SAV, ธีระชัย พงศ์พนางาม, สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์, หุ้นไทย