หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งตัวตามภูมิภาค เกาะติดงบประมาณชั่วคราวสหรัฐ-ประชุมครม.-กนง.ตัวเลขส่งออกไทย

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวออกด้านข้างตามภูมิภาค รอดูปัจจัยต่างประเทศ ในเรื่องของการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของสหรัฐ และในประเทศสัปดาห์นี้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.), ผลประชุม กนง. และการเปิดเผยตัวเลขส่งออกของไทย ให้กรอบแนวรับ 1,515 จุด และแนวต้าน 1,530 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งตัว ออกด้านข้างคล้ายกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนรอดูการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของสภาคองเกรสสหรัฐ ว่าจะได้ข้อยุติก่อนวันที่ 30 ก.ย.นี้ หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐหรือชัตดาวน์ครั้งที่ 4

ส่วนในประเทศเองติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะมีเรื่องความคืบหน้าการพักหนี้การเกษตรกรและเงินดิจิทัลวอลเล็ต รวมถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และตัวเลขการส่งออกของไทย

ทั้งนี้ตลาดรีบาวด์มาสองวันติดต่อกัน ทำให้วันนี้น่าจะแกว่งตัวออกด้านข้าง ให้กรอบแนวรับ 1,515 จุด และแนวต้าน 1,530 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (22 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,963.84 จุด ลดลง 106.58 จุด หรือ -0.31%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,320.06 จุด ลดลง 9.94 จุด หรือ -0.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,211.81 จุด ลดลง 12.18 จุด หรือ -0.09%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,517.26 จุด เพิ่มขึ้น 114.85 จุด หรือ +0.35% ขณะที่ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 18,046.89 จุด ลดลง 10.56 จุด หรือ -0.06% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,131.21 จุด ลดลง 1.22 จุด หรือ -0.04%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ก.ย.66) 1,522.59 จุด เพิ่มขึ้น 8.33 จุด (+0.55%) มูลค่าซื้อขาย 57,160.61 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,295.33 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ก.ย.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. (22 ก.ย.)เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 90.03 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 0.01% ในรอบสัปดาห์นี้

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ก.ย.) อยู่ที่ 8.36 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.95 จับตาผลประชุมกนง.กลางสัปดาห์นี้ ขึ้นหรือคงดอกเบี้ย

– “รัฐบาล” กล่อมเอกชนขึ้นค่าแรง เร่งไตรภาคีสรุป 2 แนวทางขึ้น 46-72 บาท ดัน 400 บาททั่วประเทศ หรือนำร่องบางจังหวัด ชง ครม.เคาะ พ.ย.นี้ มีผลปีใหม่ “นายจ้าง” ชี้กระทบโครงสร้างค่าแรงทั้งระบบ ขยับใกล้แรงงานมีฝีมือและค่าแรงตามคุณวุฒิวิชาชีพ “พิพัฒน์” ชี้ปรับขึ้น 400 บาทอิงตามเงินเฟ้อ จ่ายตามทักษะ ด้านนักวิชาการมองรายได้ธุรกิจเพิ่มขึ้น 3.7% ต่อปี สวนค่าแรงเพิ่ม 12.7% แนะ 4 ประเด็นหลักต้องทบทวน

– ส.อ.ท.ค้านขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ ย้ำต้องเป็นไปตาม กลไกไตรภาคีแต่ละจังหวัด แนะรัฐบาลเลิกแทรกแซง ชี้ผลิตภาพแรงงานไทย ยังสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ ทั้งจะกลายเป็นตัวเร่งอัตราว่างงาน ลงทุนย้ายหนี กลุ่มอาหารเสนอทยอยขึ้นค่าแรง หวั่น กระชากขึ้นค่าแรง 46-72 บาท กลุ่มยานยนต์ ชี้กระทบผู้ผลิตชิ้นส่วนเทียร์ 3-4

– กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอมาตรการเสริมคู่ขนานมาตรการพักหนี้เกษตรกร เพื่อจูงใจให้เกษตรกรที่ไม่เข้าโครงการพักการชำระหนี้ ได้รับสิทธิประโยชน์จากการไม่เข้ารับการพักหนี้ เช่น การลดดอกเบี้ย หรือสิทธิการรับโชค รับดอกเบี้ยคืน เพื่อเป็นการจูงใจให้คนมีวินัยในการชำระหนี้ ควบคู่ไปกับการลดภาระจำนวนคนที่จะเข้าสู่โครงการพักการชำระหนี้

– “เศรษฐา” เผยรัฐบาลมีแนวคิดขยายกรอบการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณตามมาตรา 28 เป็น 45% จาก 32% ของวงเงินงบประมาณในปี 67 เพื่อสนับสนุนการดูแลประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และจะกลับไปอัตราเดิมภายในปี 2570 ขณะที่มีการคาดกันว่าจะทำให้รัฐมีงบเพิ่มขึ้นอีกราว 4 แสนล้านบาท ที่จะนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท


หุ้นเด่นวันนี้

– CENTEL (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 53 บาท ดักเก็งกำไรคาดได้ประโยชน์โดยตรงจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ปลายสัปดาห์นี้เนื่องจากเป็นช่วงหยุดยาวหรือ Golden week ของชาวจีนผสานกับไทยให้ฟรีวีซ่าจีนเริ่ม 25 ก.ย.23 – ก.พ. ปีหน้า

– PTTGC (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 41.5 บาท มองราคาหุ้นปรับตัวลงมามากจน upside เริ่มเปิด โดยราคาหุ้นแม้ไม่ต่ำเท่าช่วง Covid พีค แต่ก็ลงมาใกล้ๆช่วง เม.ย.-พ.ค. 2563 ด้าน valuation เทรดที่เพียงราว PB 0.5x ขณะที่ผลประกอบการคาดจะทยอยฟื้นตัวขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงหลังของปีนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ประเด็นบวกจากข่าวรัสเซียระงับการส่งน้ำมันดีเซลและเบนซินช่วยหนุนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

– BCP (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 43.00 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/66 ได้แรงหนุนจากค่าการกลั่นเฉลี่ยที่ฟื้นตัว หลักๆ จาก Crack Spread กลุ่ม Middle Distillates (Jet, Diesel) รวมถึงการบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ส่วนธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจะดีขึ้น QoQ จากการกลับมาเดินเครื่องผลิตของโรงฟ้าพลังน้ำในลาว นอกจากนี้ยังมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ เข้ามาเพิ่มหลังเข้าซื้อเสร็จในเดือน ก.ค.ช่วยชดเชยธุรกิจการตลาดคาดว่าปริมาณขายลดลงเพราะเข้าสู่หน้าฝน ส่วนดีลซื้อ ESSO ปิดดีลแล้วและเริ่มรับรู้ผลประกอบการในเดือน ก.ย.โดยในไตรมาส 3/66 จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการเข้าซื้อกิจการ (ตีมูลค่าที่ดิน เครื่องจักร) ราว 5,000-10,000 ล้านบาท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top