ไนท์ แฟรงค์ แอลแอลพีเปิดเผยว่า สิงคโปร์ได้กลายเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในภาคอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่า และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และโรงแรม
ตามรายงานที่มีการเปิดเผยในเดือนนี้ระบุว่า จนถึงขณะนี้ เงินทุนไหลเข้าจากสิงคโปร์มีมูลค่ารวมเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์แล้วในปีนี้ ตามมาด้วยนักลงทุนจากสหรัฐ แคนาดา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
คริสติน หลี่ หัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชีย-แปซิฟิกของไนท์ แฟรงค์ระบุในรายงานว่า กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ (GIC Pte) ได้ซื้อคลังสินค้า 6 แห่งในญี่ปุ่นจากบริษัทแบล็กสโตน อิงค์ในราคา 800 ล้านดอลลาร์
นายเจฟฟรีย์ เจนสุบากิจ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ GIC เปิดเผยว่า ตลาดญี่ปุ่นเป็นโอกาสการลงทุนที่ดี เนื่องจากมีราคา “ถูกมาก” และยังมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก นักลงทุนต่างชาติยังถูกดึงดูดด้วยต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำ และทุ่มเงินลงทุนมากขึ้นในธุรกิจโรงแรม เนื่องจากการท่องเที่ยวเฟื่องฟูขึ้นหลังสิ้นสุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
MSCI Real Assets รายงานว่า บรรดานักลงทุนต่างชาติ รวมถึงโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์, เคเคอาร์ แอนด์ โค และแบล็กสโตน อิงค์ ได้ลงทุนคิดเป็นมูลค่ารวมกันราว 2 พันล้านดอลลาร์ไปกับข้อตกลงในธุรกิจโรงแรมในญี่ปุ่นแล้วในปีนี้ ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น ๆ ในภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในเอเชีย
ทั้งนี้ นักลงทุนลดความสนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภาคสำนักงาน เนื่องจากพื้นที่สำนักงานมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และประชาชนจำนวนมากในญี่ปุ่นมีการทำงานแบบผสมทั้งในสำนักงานและการทำงานทางไกลมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ย. 66)
Tags: ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, อสังหาริมทรัพย์