ADVANC เซ็นสัญญา PPA กลุ่ม GULF ร่วมผลิตไฟฟ้าโซลาร์ 16.5 MW รวมมูลค่า 531.80 ลบ.

บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) และ บริษัท แฟกซ์ ไลท์ จำกัด (FXL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ADVANC ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement: PPA) และสัญญาจ้างออกแบบวิศวกรรมจัดหา และก่อสร้าง (Engineering, Procurement and Construction: EPC) กับ บริษัท กัลฟ์1 จำกัด (GULF1) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ถือหุ้น 99.99% โดยมีลักษณะเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตติดตั้งรวมโดยประมาณ 16.5 เมกะวัตต์ รวมมูลค่า 531.80 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 10- 25 ปี

การทำสัญญา PPA ดังกล่าว มีรวมทั้งสิ้น 5 โครงการ ประกอบด้วย (1) โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) ที่ศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ 2 โครงการ และ (2) โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ที่ศูนย์ AIS Contact Center และที่ชุมสาย 3 โครงการ เป็นระยะเวลา 10-15 ปีและโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินให้บริษัทเมื่อครบกำหนดสัญญา

ส่วนการทำสัญญาจ้างออกแบบวิศวกรรม จัดหา และก่อสร้าง (Engineering, Procurement and Construction: EPC) ประกอบด้วย (1) โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ที่อาคารสื่อสัญญาณหลัก 38 แห่ง และ (2) โครงการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับสถานีฐาน 4,500 แห่ง เป็นระยะเวลา 25 ปี

ความร่วมมือทางธุรกิจนี้สืบเนื่องจากบริษัทประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายและบริการโทรคมนาคม โดยครอบคลุมถึงโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ โครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงข่ายสำหรับบริการลูกค้าองค์กร ซึ่งการให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมที่ครอบคลุมทั่วประเทศต้องใช้พลังงานไฟฟ้าปริมาณมาก และปริมาณการใช้พลังงานยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการขยายบริการโครงข่ายและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การเข้าทำสัญญาเพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัทในระยะยาว

นอกจากนี้ ความร่วมมือทางธุรกิจนี้ยังเป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ ADVANC ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) เนื่องจากการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยยังใช้เชื้อเพลิงจากพลังงานฟอสซิลเป็นหลักซึ่งก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกการใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการดังกล่าว จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 11,268 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี รวมถึงยังสอดคล้องกับเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนเป็น 5% ของการใช้พลังงานรวม เพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนการด เนินธุรกิจอย่างยั่งยืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ย. 66)

Tags: ,
Back to Top