บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) และ บริษัท แฟกซ์ ไลท์ จำกัด (FXL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ADVANC ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement: PPA) และสัญญาจ้างออกแบบวิศวกรรมจัดหา และก่อสร้าง (Engineering, Procurement and Construction: EPC) กับ บริษัท กัลฟ์1 จำกัด (GULF1) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ถือหุ้น 99.99% โดยมีลักษณะเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตติดตั้งรวมโดยประมาณ 16.5 เมกะวัตต์ รวมมูลค่า 531.80 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 10- 25 ปี
การทำสัญญา PPA ดังกล่าว มีรวมทั้งสิ้น 5 โครงการ ประกอบด้วย (1) โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) ที่ศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ 2 โครงการ และ (2) โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ที่ศูนย์ AIS Contact Center และที่ชุมสาย 3 โครงการ เป็นระยะเวลา 10-15 ปีและโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินให้บริษัทเมื่อครบกำหนดสัญญา
ส่วนการทำสัญญาจ้างออกแบบวิศวกรรม จัดหา และก่อสร้าง (Engineering, Procurement and Construction: EPC) ประกอบด้วย (1) โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ที่อาคารสื่อสัญญาณหลัก 38 แห่ง และ (2) โครงการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับสถานีฐาน 4,500 แห่ง เป็นระยะเวลา 25 ปี
ความร่วมมือทางธุรกิจนี้สืบเนื่องจากบริษัทประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายและบริการโทรคมนาคม โดยครอบคลุมถึงโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ โครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงข่ายสำหรับบริการลูกค้าองค์กร ซึ่งการให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมที่ครอบคลุมทั่วประเทศต้องใช้พลังงานไฟฟ้าปริมาณมาก และปริมาณการใช้พลังงานยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการขยายบริการโครงข่ายและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การเข้าทำสัญญาเพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัทในระยะยาว
นอกจากนี้ ความร่วมมือทางธุรกิจนี้ยังเป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ ADVANC ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) เนื่องจากการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยยังใช้เชื้อเพลิงจากพลังงานฟอสซิลเป็นหลักซึ่งก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกการใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการดังกล่าว จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 11,268 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี รวมถึงยังสอดคล้องกับเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนเป็น 5% ของการใช้พลังงานรวม เพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนการด เนินธุรกิจอย่างยั่งยืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ย. 66)
Tags: ADVANC, แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส