นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังกล่าวถึงมาตรการของรัฐบาลในการปรับลดราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าว่า จะช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน และลดต้นทุนการขนส่งให้กับภาคธุรกิจ ทำให้เงินเฟ้อไม่สูง และไม่เป็นการเพิ่มแรงกดดันในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จากกรอบเป้าหมายเงินเฟ้ออยู่ที่ 1-3% อัตราดอกเบี้ยจึงไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นไปแรง
“เราคาดว่าในปีนี้ ธปท.คงขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เพียงแค่ 1 ครั้ง เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงไม่ติดลบ ช่วยส่งเสริมการออม ซึ่งมาตรการในการลดค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ช่วยให้เงินเฟ้อไม่เพิ่มสูงขึ้น เป็นประโยชน์ต่อค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งจะทำให้ไม่เป็นแรงกดดันในการปรับขึ้นดอกเบี้ย เพราะเงินเฟ้อไม่ได้สูงมาก ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ได้เพิ่มขึ้นอีก 1% จากระดับปกติ”
นายธนวรรธน์ ระบุ
- คาด “วีซ่าฟรี” กระตุ้นจีนเที่ยวไทยเพิ่ม 1 ล้านคน
สำหรับมาตรการวีซ่าฟรีให้แก่นักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถานนั้น จะช่วยแก้ปัญหาที่นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยน้อยในช่วงที่ผ่านมา ให้สามารถเดินทางเข้าไทยได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น และจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยได้มากขึ้น เพราะตรงกับช่วงวันชาติของจีนในเดือนต.ค.ที่จะมีวันหยุดยาว ซึ่งอาจได้เห็นการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 7-8 แสนคนได้ และมีโอกาสให้ในปีนี้ยอดนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทย จะเป็นไปตามเป้าเดิมที่ตั้งไว้ที่ 4.5-5 ล้านคนได้ จากตัวเลขล่าสุดในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.) มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยแล้ว 2.2 ล้านคน
“คาดว่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยประมาณ 1 ล้านคน จากมาตรการวีซ่าฟรี ซึ่งจะมีเม็ดเงินประมาณ 50,000 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งปีให้เพิ่มขึ้นได้ 0.3-0.5% และจะทำให้ในไตรมาส 4 จะมีเม็ดเงินจากมาตรการนี้เข้ามาบวกจากเดิม 1.5% เป็นอย่างน้อย ดังนั้นเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 มีโอกาสจะโตได้ถึง 5% ซึ่งจะทำให้ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะโตได้ 3.8-4% ส่งผลให้ทั้งปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะโตได้อย่างน้อย 3% จากนโยบายของรัฐ”
นายธนวรรธน์ กล่าว
- จ่ายเงินเดือนขรก. 2 รอบ ช่วยเพิ่มการหมุนเงินในระบบศก.
ส่วนการเตรียมปรับระบบการจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 รอบนั้น นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการใช้จ่ายเงินในระบบเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้น และจีดีพีจะได้แรงหนุนในด้านบวกเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ ต้องดูวินัยการใช้เงินของข้าราชการด้วย ซึ่งเชื่อว่ากรมบัญชีกลางจะเปิดให้มีการเลือกรับเงินเดือนตามความสมัครใจ ว่าต้องการรับรอบเดียว หรือแบ่งรับเป็น 2 รอบ พร้อมกันนี้ต้องดูการหารือระหว่างกระทรวงการคลังกับสถาบันการเงินด้วย ว่าหากมีการแบ่งจ่ายเงินเดือน 2 รอบแล้ว สถาบันการเงินจะสามารถตัดแบ่งภาระการจ่ายหนี้ออกเป็น 2 รอบได้ด้วยหรือไม่
สำหรับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ที่คาดว่าต้องใช้งบประมาณ 5 แสนล้านบาทนั้น คาดว่าจะทำให้เกิดการหมุนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจได้ 2-3 รอบ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้เพิ่มขึ้น 2-3% และมีโอกาสที่จะทำให้ปี 67 เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ที่ระดับ 4-5%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ย. 66)
Tags: GDP, ธนวรรธน์ พลวิชัย, นักท่องเที่ยวจีน, ฟรีวีซ่า, หอการค้าไทย, เศรษฐกิจไทย