บมจ.การบินไทย (THAI) เข้าฟื้นฟูกิจการเมื่อมิ.ย.64 และมีการแก้ไขแผนเมื่อเดือน ต.ค.65 หลังเผชิญวิกฤตโควิดเมื่อปี 63 และหลังโควิดสามารถพลิกฟื้นกลับมาทำกำไรติดต่อกัน 4 ไตรมาสแล้ว และล่าสุดครึ่งแรกของปี 66 กำไรสุทธิ 14,795 ล้านบาท EBITDA หักค่าเช่าเครื่องบิน 23,361 ล้านบาท ทำให้หนทางหลุดพ้นภาระหนักอึ้งเพื่อนำ THAI เดินกลับสู่กระดานเทรดหุ้นอีกครั้งสดใสขึ้น
THAI เป็นสายการบินแห่งชาติที่มีผู้ถือหุ้นเป็นคนไทยกว่า 80% แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากหน่วยงานภาครัฐ แม้กระทั่งวงเงินกู้ที่คาดว่าจะใช้เป็นสภาพคล่องในช่วงฟื้นฟูกิจการ จำนวน 5 หมื่นล้านบาท และภายหลังขอปรับลดเหลือ 2.5 หมื่นล้านบาทก็ไม่ได้ใช้เงินกู้ส่วนนี้เลย แต่หลายหน่วยงานให้การสนับสนุนด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจให้ราบรื่นขึ้น
ประกอบกับธุรกิจการบินกลับมาเร็วหลังโควิดคลี่คลายลงทำให้การเดินทางเพิ่มชึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การบินไทยสามารถพลิกฟื้นธุรกิจ และเตรียมพร้อมที่จะออกจากแผนฟื้นฟูฯ ภายในไตรมาส 3/67 และคาดว่าจะนำหุ้น THAI กลับเข้าไปเทรดในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งในปลายปี 67 ให้ได้
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THAI ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ”อินโฟเควสท์” ว่า ขณะนี้การบินไทยมีเครื่องบินที่นำมาใช้งานอยู่ 47 ลำแล้ว และมีแผนจัดหาเครื่องบินระยะกลาง คือ เครื่องบินแอร์บัส A350 เพิ่มอีก 11 ลำ เพื่อให้การบินไทยสามารถกลับมาเติบโตได้ แม้อาจจะยังไม่เท่าช่วงก่อนโควิดที่มีฝูงบินมากกว่า 100 ลำก็ตาม แต่ก็ต้องดำเนินการทั้งในระหว่างดำเนินการแผนฟื้นฟูและหลังกระบวนการออกจากแผนฟื้นฟู ไม่เช่นนั้นบริษัทก็จะแข่งขันกับรายอื่นไม่ได้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THAI กล่าวว่า บริษัทกำลังพิจารณาว่าระยะไหนที่จะเหมาะสมกับการแปลงหนี้เป็นทุน และการขายหุ้นเพิ่มทุน โดยขึ้นอยู่กับความสามารถในการแข่งขัน และความสามารถในการหากำไร ซึ่งผลประกอบการที่ผ่านมาในครึ่งปีแรกได้ทำให้เงื่อนไขการออกจากแผนฟื้นฟูใกล้เข้ามา
“ส่วนที่สำคัญ คือ ส่วนของผู้ถือหุ้นที่กลับมาเป็นบวก แต่เราไม่สามารถมองแค่ทำตามแผนฟื้นฟู เพราะเป้าหมายสุดท้าย คือนำหุ้น THAI กลับเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วนของทุนเพิ่มมากเท่าไหร่ก็จะทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งทางการเงินมากเท่านั้น
แม้ในแผนฟื้นฟูระบุว่าส่วนของทุนเป็นบวก แต่การบวก 300-500 ล้านบาทก็ถือว่าผ่านตามแผนฟื้นฟูแล้ว แต่การนำหุ้นกลับเข้าไปเทรดในตลาดนั้น ความแข็งแกร่งทางการเงินมีความสำคัญ ดังนั้นจึงต้องดูจังหวะเวลาไหนที่พร้อมจะเพิ่มทุน”นายชาย กล่าว
ณ สิ้น มิ.ย.66 ส่วนของทุนของบริษัทยังติดลบกว่า 56,200 ล้านบาท หากมีการแปลงหนี้เป็นทุน 37,500 ล้านบาทโดยก.คลัง เจ้าหนี้สถาบันการเงิน และเจ้าหนี้หุ้นกู้ ก็จะทำให้ส่วนของทุนของบริษัทติดลบลดลงเหลือ 19,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาใช้ผลการดำเนินงานทยอยแก้ไขจนกว่าจะออกจากแผนฟื้นฟู
“เราก็มีการบ้านว่า 19,000 ล้านบาท บริษัทจะสามารถทำกำไรเพื่อมาหักล้างกับส่วนของผู้ถือหุ้นที่ติดลบ จะได้เร็วเท่าไหร่ ไม่สามารถกำหนดวันเวลาที่ชัดเจนได้ แต่เป้าหมายเราจะดูอีกครั้งในไตรมาส 2 ปี 67 ซึ่งดูจากประมาณการทางการเงินก็มีความเป็นไปได้”นายชาย กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเพิ่มทุนอีกอย่างน้อย 30,000-40,000 ล้านบาท ก็จะทำให้ส่วนของทุนเป็นบวกได้แน่นอน แต่ก่อนที่จะเพิ่มทุน บริษัทจะต้องทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นให้เป็นบวกเสียก่อนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นเดิม หรือนักลงทุนรายใหม่ และส่งผลดีต่อราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน และทำให้บริษัทมีส่วนของทุนสูงขึ้น
นายชาย กล่าวว่า บริษัทจะดูงบการเงินไตรมาส 2/67 ซึ่งคาดจะปิดงบในช่วงเดือน ส.ค. 67 ว่างบออกมาได้ตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ หากเป็นไปตามที่คาดไว้บริษัทก็จะยื่นขอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ ตรงกับไตรมาส 3/67 หรือ ประมาณช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.67
เงื่อนไขสำคัญในการออกจากแผนฟื้นฟู คือ 1) มี EBITDA หักจ่ายค่าเช่าเครื่องบินย้อนหลัง 12 เดือนมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ถ้าผลประกอบการดีตัวนี้ก็ดีตามไปด้วย โดยปัจจุบันบริษัทได้ตามเกณฑ์แล้ว และ 2) ส่วนของทุนต้องเป็นบวก
และ หลังออกจากแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว บริษัทก็จะยื่นขอนำหุ้น THAI กลับเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (Resume Trade) คาดใช้เวลา 2-3 เดือน หรือในช่วงปลายปี 67 ทั้งนี้ ระยะเวลาการออกจากแผนฟื้นฟูอาจจะเร็วขึ้นเล็กน้อยจากแผนเดิม แต่ก็คงไม่ได้เร็วมากนัก
ส่วนการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกว่า 1.3 แสนล่านบาท ที่ผ่านมาบริษัทได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้บัตรโดยสารซึ่งใกล้จะชำระหมดแล้ว เหลืออยู่เพียง 1,200 ล้านบาท และในปี 67 บริษัทจะเริ่มชำระหนี้เจ้าหนี้สถาบันการเงิน เจ้าหนี้การค้า งวดแรกกลางปี 67 โดยรวมบริษัทมีภาระการชำระหนี้ปีละประมาณ 1 หมื่นล้านบาทในช่วง 3 ปี (67-69) โดยจะจ่ายปีละ 2 งวด ชำระงวดกลางปี และงวดปลายปี ส่วนเจ้าหนี้หุ้นกู้ก็ทยอยจ่ายตามปีที่ครบกำหนดไถ่ถอน ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 74
ณ สิ้นงวด มิ.ย.66 การบินไทยมีกระแสเงินสด 51,153 ล้านบาท สูงสุดเท่าที่ดำเนินกิจการมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.ย. 66)
Tags: INTERVIEW, SCOOP, THAI, การบินไทย, ชาย เอี่ยมศิริ, หุ้นไทย