กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) เตรียมความพร้อมเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมเพื่อจะนำไปเงินใช้ลงทุนในทรัพย์สินใหม่ โดยจะเสนอขายแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมและนักลงทุนรายใหม่ หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ แบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาให้มีผลบังคับใช้
การเพิ่มทุนในครั้งนี้ กองทรัสต์จะเสนอขายหน่วยทรัสต์ไม่เกิน 540 ล้านหน่วย และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 4.5 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนในสิทธิการเช่าโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา มูลค่าการลงทุนรวมไม่เกิน 9.8 พันล้านบาท และมีประมาณการเงินจ่ายประโยชน์ตอบแทน ภายหลังการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมอยู่ที่ประมาณ 1.15 บาท/หน่วย (อ้างอิงจากรายงานและข้อมูลทางการเงินตามสถานการณ์สมมติของผู้สอบบัญชี สำหรับงวด 12 เดือน ช่วงเวลาประมาณการวันที่ 1 ม.ค. 67 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 67)
ผลตอบแทนของ LHHOTEL ภายหลังจากการเข้าลงทุนเพิ่มเติมที่ 1.15 บาท/หน่วย เมื่อเทียบกับราคาหน่วยของ LHHOTEL ที่ซื้อขายในกระดานปัจจุบันที่ 11-12 บาท/หุ้น ถือว่าให้ผลตอบแทนที่สูงเกือบ 10% ซึ่งมีความน่าสนใจในการลงทุนจากผลตอบแทนของ LHHOTEL ที่ให้กับนักลงทุน
นายณัฐกวิน เจียมโชติพัฒนกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ LHHOTEL กล่าวว่า ปัจจุบัน LHHOTEL มีทรัพย์สินหลัก 3 โครงการ ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 จำนวน 462 ห้องพัก, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ จำนวน 497 ห้องพัก และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 จำนวน 442 ห้องพัก
ผลการดำเนินงานของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ทั้ง 3 แห่งดังกล่าวในช่วง 6 เดือนแรกของปี 66 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 90% และค่าห้องพักเฉลี่ยสูงกว่าในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 62 แล้วกว่า 20% ขณะที่ผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ LHHOTEL ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังจากเปิดประเทศและกลับมาจ่ายประโยชน์ตอบแทนในรูปเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ตั้งแต่งวดไตรมาส 3/65 โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 66 กองทรัสต์จ่ายเงินปันผล แล้ว 2 ครั้ง รวมเป็นจำนวนเงิน 0.58 บาทต่อหน่วย
จากภาพรวมการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัว จึงเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่กองทรัสต์ LHHOTEL จะลงทุนเพิ่มเติมในโรงแรมพัทยา อีก 2 โครงการ นับเป็นการกระจายการลงทุนสู่พัทยาเป็นครั้งแรกในทรัพย์สินศักยภาพสูงที่เป็นแลนด์มาร์คของย่านพัทยาเหนือ เพื่อเปิดโอกาสให้แก่ผู้ที่สนใจเข้าลงทุน ซึ่งภายหลังลงทุนเพิ่มเติม LHHOTEL จะมีมูลค่าสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็นกว่า 2 หมื่นล้านบาท และมีอายุสิทธิการเช่าคงเหลือเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 22 ปีเศษ จากเดิมประมาณ 18 ปีเศษ รวมถึงมีการกระจายการลงทุนที่ดีขึ้น โดยมีสัดส่วนทรัพย์สินในกรุงเทพฯ 55% และพัทยา 45% และภายใน 5-8 ปีข้างหน้าจะมีแผนเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุน LHHOTEL เป็น 4 หมื่นล้านบาท
นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า LHHOTEL เป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจในจังหวะนี้ที่ภาพรวมการท่องเที่ยวกับมาคึกคัก โดยโรงแรมที่ LHHOTEL ลงทุนอยู่ในปัจจุบันและจะลงทุนเพิ่มเติม เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่มีศักยภาพสูง อยู่ในทำเลย่านศูนย์กลางธุรกิจใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และพัทยาที่เป็นเมืองท่องเที่ยวของทั้งคนไทยและต่างชาติ และโรงแรมทั้งหมดมีผลการดำเนินงานที่ดี และ ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากช่วงโควิด-19
โรงแรมที่ LHHOTEL เข้าลงทุน พัฒนาและบริหารโดย Sponsor ในกลุ่ม บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ผู้พัฒนาโครงการและบริหารโรงแรมชั้นนำ นอกจากนี้ Sponsor ยังมี Pipeline ในการพัฒนาทรัพย์สินใหม่ๆที่เป็นโอกาสให้กับ LHHOTEL ในการสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต
ปัจจุบัน LHHOTEL เป็นกองทรัสต์กลุ่มโรงแรมที่มีขนาดสินทรัพย์รวมและมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฯ การเพิ่มทุน และลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่จะช่วยเสริมสภาพคล่องจากขนาดของกองทรัสต์ที่ใหญ่ขึ้น และสร้างการเติบโตให้กับรายได้ของกองทรัสต์
นายกิตติ วรบรรพต กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด (LHMH) ในเครือ LH ในฐานะ Sponsor ของกองทรัสต์ LHHOTEL กล่าวว่า พัทยาถือเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก เป็นที่นิยมของทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย เดินทางสะดวกเพียง 1 ชั่วโมงกว่าจากกรุงเทพฯ โดยการท่องเที่ยวพัทยาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากเปิดประเทศปลายปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของพัทยา ยังได้รับปัจจัยบวกจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในจังหวัดชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาคอาเซียนและแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ เช่น ยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3, พัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมต่อ 3 สนามบิน เป็นต้น
ภาพรวมธุรกิจโรงแรม (ทุกระดับ) และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในพัทยา ณ สิ้นปี 65 มีจำนวนห้องพักรวมประมาณ 60,000 ห้อง ในจำนวนดังกล่าวเป็นโรงแรมระดับบน 22% และโรงแรมระดับลักชัวรี่เพียง 1% ส่วนที่เหลือเป็นโรงแรมระดับกลาง 64% โรงแรมราคาประหยัด 11% และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 2%
“โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา” และ “โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา” ซึ่งพัฒนาและบริหารโดยบริษัท และเป็นทรัพย์สินที่ LHHOTEL จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ จัดอยู่ในโรงแรมระดับลักชัวรี่และโรงแรมระดับบนซึ่งมีคู่แข่งน้อยราย โดยโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา มีจำนวน 490 ห้องพัก ออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์อวกาศแห่งแรกในประเทศไทย มีสวนน้ำอวกาศ Space Water Park ขนาดใหญ่กว่า 12,000 ตารางเมตร สปาและออนเซ็นซีวิวแห่งแรกในประเทศไทย เปิดบริการเดือนส.ค. 65 โดยช่วง 6 เดือนแรกของปี 66 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยกว่า 91%
ส่วนโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา มีจำนวน 396 ห้องพัก อยู่ในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา แหล่งช้อปปิ้งใจกลางย่านพัทยาเหนือ เปิดบริการตั้งแต่ปลายปี 61 จุดเด่นคือห้องพักทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทะเลและสามารถเดินทางเข้าออกโรงแรมได้อย่างสะดวกสบายด้วย 3 ถนนเส้นหลัก มีสวนน้ำลอยฟ้า 6,000 ตารางเมตร ผลการดำเนินงานฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ช่วง 6 เดือนแรกของปี 66 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยกว่า 91% เช่นเดียวกัน แม้ว่าชาวจีนยังไม่ได้เดินทางเข้ามาเต็มที่ และราคาห้องพักสูงขึ้น 20% จากช่วงก่อนโควิด-19
นอกจากนี้กลุ่ม LH ยังมีการพัฒนาโรงแรมใหม่ในช่วงที่ผ่านมาต่อเนื่อง โดยในปี 66 จะมีการเปิดให้บริการโรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์ พ้อยต์ สุรวงศ์ และยังมีอีก 2 โรงแรม คือ โรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์ พ้อยต์ ลุมพินี และโรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์ พ้อยต์ ราชดำริ 2 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะมีการพิจารณานำโรงแรมใหม่เข้ากองทรัสต์ LHHOTEL ในอนาคต
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ LHHOTEL กล่าวว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวและโรงแรมของประเทศไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ประกอบกับประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ส่งผลให้ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้ว 12.9 ล้านคน สูงกว่าปี 65 โดยทั้งปีที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 11.2 ล้านคน ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยตลอดปี 66 จะมีจำนวนรวมประมาณ 25-30 ล้านคน แม้ยังไม่เท่ากับปี 62 ในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และนักท่องเที่ยวชาวจีนยังไม่ได้เดินทางมาไทยเท่ากับเป้าหมายตามที่คาดไว้ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ล่าสุดรัฐบาลชุดใหม่เร่งดำเนินนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวรับไฮซีซั่น เช่น นโยบายฟรีวีซ่า เป็นต้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมการท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 66)
Tags: LH, LHHOTEL, กองทรัสต์, จิตติสา เจริญพานิช, ณัฐกวิน เจียมโชติพัฒนกุล, มนรัฐ ผดุงสิทธิ์