A5 รีแบรนด์ครั้งใหญ่พุ่งเป้าพัฒนาแนวราบเจาะลูกค้ากำลังซื้อสูงดันรายได้แตะ 5 พันลบ.ภายในปี 69

นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป (A5) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ด้วยการรีแบรนด์ Asset Five ให้อยู่ภายใต้ Umbrella Brand หรือ แบรนด์เดียวคือ “A5” (เอไฟว์) ด้วยคอนเซ็ปต์ “A5 GREATNESS Inspired by Love : เราเชื่อว่าความรักสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้” ด้วยการใช้หัวใจที่ยิ่งใหญ่ สร้างสรรค์ “ความสุข” พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตธุรกิจผ่านการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบที่เจาะกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูง โดยตั้งรายได้ภายในปี 69 แตะ 5 พันล้านบาท จากปี 66 มั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าที่ 1.6 พันล้านบาท โดยรายได้จะเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 40% ต่อปี ในช่วงปี 67-69

ขณะที่บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยที่ในช่วงไตรมาส 4/66 ได้แก่ โครงการ วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์ มูลค่า 1.7 พันล้านบาท ราคาขาย 25-50 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่ม Real Demand ในโซนตะวันตกของกรุงเทพฯ ที่เบื่อบ้านแบบเดิมๆ มองหาบ้านดีไซน์ใหม่ที่แตกต่าง กับทำเลที่มีการเติบโตและตอบโจทย์ครบในที่เดียว ทั้งมีความเป็นเมือง เดินทางไปทำงานสะดวก ใกล้ห้างหรือแหล่งไลฟ์สไตล์ และใกล้ชิดธรรมชาติ มีรายได้ต่อครอบครัว 300,000 บาทขึ้นไป อาชีพเจ้าของธุรกิจ หรือพนักงานบริษัท Executive Level ซึ่งโครงการดังกล่าวมีจุดเด่นเรื่องทำเล ส่วนกลาง และดีไซน์ เชื่อมั่นว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี

สำหรับการเปิดโครงการในปี 67 เบื้องต้นจะเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 6.7 พันล้านบาท แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 2 โครงการ คือ CINQ 2 กับ VANA 3 และมีอีกหนึ่งโครงการที่ รชยา จังหวัดอุดรธานี พร้อมกับวางงบซื้อที่ดินในปี 67 ไว้ที่ 1 พันล้านบาท เพื่อรองการซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อผลักดันให้รายได้ของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 69

นายศุภโชค กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เผชิญกับแรงกดดันที่มาจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น กระทบต่อต้นทุนการพัฒนาโครงการ ประกอบกับ กำลังซื้อชะลอตัวจากความผันผวนและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นมาค่อนข้างมาก ทำให้การตัดสินใจซื้อชะลอลง รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติยังไม่กลับมาคึกคัก จึงอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ผลักดันนโยบายต่าง ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นกัน เพราะภาคอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนต่อ GDP สูงถึง 1 ใน 5 ซึ่งหากภาคอสังหาร์มทรัพย์ดีขึ้น ก็จะเป็นแรงส่งไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ในซัพพลายเชน และช่วยกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจได้

สำหรับรายได้ของบริษัทในปี 66 ยังมั่นใจทำได้ 1.6 พันล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกมีรายได้ 600 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีหลังจะมีการโอนบ้านที่ส่งมอบให้กับลูกค้ามูลค่ารวมราว 1 พันล้านบาทเข้ามาเพิ่มเติม จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ 2.3-2.4 พันล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top