น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม และคณะผู้บริหาร ได้ประชุมร่วมกับตัวแทนสมาคมเกษตรกรชาวไร่อ้อย 38 แห่งจากทั่วประเทศ เพื่อขอรับทราบแนวทางการแก้ปัญหาอ้อยและน้ำตาลทั้งระบบ โดยเฉพาะกรณีเร่งด่วนเรื่องนโยบายเกี่ยวกับเงินสนับสนุนการตัดอ้อยสดเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จำนวน 120 บาท/ตัน และแนวทางการแก้ปัญหาภาวะภัยแล้งที่อาจส่งผลต่อการขาดแคลนน้ำตาล โดยมี สส.ที่มีพื้นที่ไร่อ้อย อาทิ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ, นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมรับฟังด้วย
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัญหาเรื่องอ้อยเป็นปัญหาสำคัญที่ถูกพูดถึงมาโดยตลอดทั้งในรัฐบาลและในสภาผู้แทนราษฎร สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการจ่ายเงินล่าช้า เป็นเพราะติดช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านทำให้เกิดล่าช้า ซึ่งอยากชี้แจงว่าเงินสนับสนุน 120 บาท/ตัน คือการลงทุนของรัฐ รัฐจึงอยากเห็นว่าการตัดอ้อยสดมากขึ้นจริงจนสามารถลดการเผาอ้อยลงได้ จึงอยากจะให้เกษตรกรสื่อสารออกมาว่าการที่รัฐสนับสนุนนั้น ทำให้ลดการเผาได้ตามเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งหากทำได้ก็เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการสนับสนุนต่อไป
สำหรับเงินสนับสนุนของรอบปีที่ผ่านมาจะต้องใช้งบประมาณราว 8,000 ล้านบาท ที่ต้องขอวงเงินจากรัฐบาลใหม่ โดยงบประมาณดังกล่าวไม่ผูกพันกับงบประมาณใหม่ ปี 2567 ซึ่งหลังทราบตนและทีมทำงานได้นำปัญหาไปปรึกษากับนายกฤษฎา จินะวิจารณะ รมช.คลังแล้ว เพื่อหาแนวทางในการใช้กรอบวงเงิน ก่อนที่จะนำเข้าหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ในการประชุม ครม.
การพิจารณาเรื่องนี้อาจจะยังเสร็จไม่ทันเดือน ต.ค.66 เนื่องจากมีความล่าช้าของการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แต่จะพยายามเร่งให้มีการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะเข้าใจถึงความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยเป็นอย่างดี
“อยากเรียนให้กับทุกท่านทราบว่าหลังทราบปัญหา ทุกฝ่ายไม่ได้เพิกเฉย และได้ร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้ บางช่วงเวลาอาจจะติดกรอบระยะเวลาที่มีอุปสรรค แต่ขอให้มั่นใจในรัฐบาลและข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรมที่ตั้งใจทำงานเพื่อเกษตรกรชาวไร่อ้อย อย่างจริงใจ”
น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าว
นายปารเมศ โพธารากุล ประธานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวไร่อ้อยมักถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 จากการเผาไร่อ้อย ทั้งที่มีข้อมูลระบุว่า ฝุ่นขนาดเล็กที่เกิดจากอ้อยไฟไหม้มีอยู่เพียงแค่ไม่ถึง 10% ของฝุ่นที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ทั้งนี้เกษตรกรชาวไร่อ้อยยินดีที่จะช่วยลดปัญหา PM 2.5 โดยเข้าร่วมพันธสัญญาตามนโยบายภาครัฐในการตัดอ้อยสดที่มีต้นทุนสูง และรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลจำนวน 120 บาท/ตัน ซึ่งได้ดำเนินการมา 2 ปีแล้ว จนมาถึงช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างรัฐบาลเดิมสู่รัฐบาลใหม่ ทำให้เงินสนับสนุนดังกล่าวถูกชะลอออกไปจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยทั้งประเทศที่ได้ลงทุนจ้างการตัดอ้อยสดไปแล้ว
ขณะเดียวกันกำลังจะถึงฤดูการหีบอ้อยใหม่ ประกอบกับภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่อาจจะทำให้เป็นอุปสรรคต่อเกษตรกร เพราะเกษตรกรต้องเตรียมพร้อมรับมือ ต้องใช้เงินทุน เรื่องเครื่องจักร หรือแรงงาน จึงอยากขอความอนุเคราะห์จากกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการเรื่องเงินสนับสนุน การช่วยเหลือการตัดอ้อยสดจำนวน 120 บาท/ตันของฤดูกาลที่ผ่านมาให้ถึงมือเกษตรกรภายในเดือน ต.ค.66 รวมทั้งขอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการจ่ายเงินสนับสนุนในรอบปีใหม่ด้วย
ทั้งนี้ หลังจากรับฟังคำชี้แจงของ รมว.อุตสาหกรรม แล้ว กลุ่มเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้แสดงความพอใจ พร้อมกล่าวว่า ถือเป็นความชัดเจน หลังจากที่รอคอยคำตอบมานาน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ย. 66)
Tags: กระทรวงอุตสาหกรรม, พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล, ราคาอ้อย, เกษตรกร, เกษตรกรชาวไร่อ้อย