นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ยืนยันว่า โครงการจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ท 1 หมื่นบาท ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้น จะดำเนินการผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยจะไม่จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในวันที่ 1 ก.พ.67 หรือภายในไตรมาส 1/2567 เพื่อให้ทันกับการกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ให้คนไทยจะเดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัดเพื่อไปใช้จ่าย
“เป็นการปั๊มหัวใจเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ให้โงหัวขึ้น เพื่อที่จะดำเนินมาตรการเศรษฐกิจอื่น ๆ ต่อเนื่อง” รมช.คลัง ระบุ
โดยคาดว่าจะใช้วงเงิน 5.6 แสนล้านบาท มาจากหลายส่วน เช่น งบประมาณ การนำวงเงินที่ใช้ในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาใช้แทน การจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายอย่างน้อย 4 รอบ มีผลต่อเศรษฐกิจ 2 ล้านล้านบาท
“รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 5% โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2567 จากที่ผ่านมา ถือว่าเราโตต่ำกว่าศักยภาพ ซึ่งการจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ท นอกจากจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายที่ประชาชนอยู่ในช่วงขาดกำลังซื้อแล้ว จะผลดีต่อการจัดเก็บรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อการใช้จ่าย 1 รอบ” รมช.คลัง ระบุ
สำหรับเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการดิจิทัล วอลเล็ท 1 หมื่นบาทนั้น ผู้มีสิทธิได้รับ คือ ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งจะได้สิทธิทั้งหมด 56 ล้านคน ยึดที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เบื้องต้นให้ใช้จ่ายกับร้านค้าในรัศมี 4 กิโลเมตร แต่ขณะนี้กำลังพิจารณาปรับเพิ่มรัศมีร้านค้าให้เหมาะสม ไม่ต้องมีการพิสูจน์ความจน
“ที่ผ่านมา พบว่าข้อมูลลงทะเบียนไม่ตรงความเป็นจริง ดังนั้นครั้งนี้จึงไม่ต้องลงทะเบียน แต่จะใช้วิธีการโหลดแอปพลิเคชั่น ขึ้นมาใหม่ ในรูปแบบของ SuperApp เพื่อให้คนไทยทุกคนมีกระเป๋า 2 ใบ คือ กระเป๋าเงินสด และดิจิทัลวอลเล็ท ส่วนกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้ป่วยติดเตียง ผู้อยู่พื้นที่ห่างไกล เป็นต้น ก็จะต้องยืนยันตัวตนผ่านธนาคารของรัฐ เพื่อรับคิวอาร์โค๊ดสำหรับการใช้จ่ายในโครงการ แทนการใช้แอปพลิเคชั่น” รมช.คลัง ระบุ
ทั้งนี้ วิธีการใช้จ่ายเงินจำนวน 1 หมื่นบาท จะถูกโอนเข้าบัญชีในดิจิทัลวอลเล็ทของทุกคน เป็นสิทธิในการใช้จ่าย มีมูลค่าสิทธิเทียบเท่ามูลค่าเงินบาท คือ 1 บาทดิจิทัล เท่ากับ 1 บาท ผู้ได้รับสิทธิจะรับเงินดิจิทัลเพียงครั้งเดียว มีระยะเวลาใช้จ่ายภายใน 6 เดือน สามารถใช้จ่ายกับร้านค้า ได้ทั้งร้านโชว์ห่วย ร้านสะดวกซื้อ ห้างแม็คโคร รวมถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และสินค้าทุกชนิด เช่น สถานีบริการน้ำมัน แต่มีข้อห้ามใช้เงินดิจิทัลกับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอบายมุข และการชำระหนี้
ส่วนการนำเงินดิจิทัลไปแปลงเงินสดนั้น จะให้สิทธิเฉพาะร้านค้าที่อยู่ในระบบฐานภาษีเท่านั้น ข้อดีของดิจิทัลวอลเล็ท มีความปลอดภัยสูง และไม่ใช่ดิจิทัล เคอเรนซี่ จึงไม่มีการเก็งกำไร อีกทั้งยังสามารถป้องกันการรั่วไหลและทุจริต และควบคุมพื้นที่การใช้จ่ายได้ และสามารถติดตามเส้นทางของเงินได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ย. 66)
Tags: จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์, ดิจิทัลวอลเล็ท, พรรคเพื่อไทย, เงินดิจิทัล, เป๋าตัง