นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์อิงทางบวก จากแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นพยุงดัชนี รับซาอุฯ และรัสเซียขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันไปถึงสิ้นปี หนุนราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น แม้ Bond yield สหรัฐพุ่งขึ้นกดดัน Sentiment ตลาดหุ้นต่างประเทศ พร้อมให้แนวต้าน 1,560 จุด แนวรับ 1,540 จุด
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ แต่มองไปในทางบวกได้เล็กน้อย จากปัจจัยหนุนที่มาจากกลุ่มหุ้นพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นที่อาจจะพยุงดัชนี หลังซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย ขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันแบบสมัครใจออกไปถึงสิ้นปีนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือน
อย่างไรก็ตามยังคงมีแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond yield) 10 ปี ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 4.23% หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับดอกเบี้ยสหรัฐที่ยังคงอยู่ไนระดับสูง กระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาส่วนใหญ่ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ
โดยให้แนวต้าน 1,560 จุด แนวรับ 1,540 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (5 ก.ย.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,641.97 จุด ลดลง 195.74 จุด หรือ -0.56%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,496.83 จุด ลดลง 18.94 จุด หรือ -0.42% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,020.95 จุด ลดลง 10.86 จุด หรือ -0.08%%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,115.06 จุด เพิ่มขึ้น 78.30 จุด หรือ +0.24% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,405.09 จุด ลดลง 51.82 จุด หรือ -0.28% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,147.14 จุด ลดลง 7.23 จุด หรือ -0.23%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ก.ย.66) 1,547.86 จุด ลดลง 0.82 จุด (-0.05%) มูลค่าซื้อขาย 42,853 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,462.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ก.ย.66
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.(5 ก.ย.) เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 86.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2565
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ก.ย.) อยู่ที่ 10.01 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 35.48 แนวโน้มอ่อนค่า หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐสูงหนุนดอลลาร์แข็งค่า
– คณะรัฐมนตรี “เศรษฐา 1” เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน “ในหลวง” พระราชทานกำลังใจให้ ครม. ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อความสุขและเพื่อประโยชน์เป็นส่วนรวมต่อประเทศชาติและประชาชน นายกฯ ลั่น พร้อมน้อมนำกระแสพระราชดำรัสมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ยืนยันเป็นรัฐบาลของประชาชน ทำงานทันที ไม่มีฮันนีมูน กางไทม์ไลน์ ถก ครม.นัดพิเศษวันนี้ แถลงนโยบาย 11 ก.ย. ย้ำเงินดิจิทัล 1 หมื่น ได้ใช้ 1 ก.พ.67
– “แบงก์ชาติ” ยอมรับเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อโตต่ำคาด เล็งปรับประมาณการลง ยอมรับโจทย์นโยบายการเงินเริ่มเปลี่ยน จาก smooth take off สู่ Landing อย่างมีเสถียรภาพ ย้ำดอกเบี้ยต้องสร้างสมดุลเศรษฐกิจระยะยาว “พาณิชย์” เผยเงินเฟ้อ ส.ค.บวก 0.8% คาดแนวโน้มสูงขึ้น
-“พาณิชย์” ดันผู้ประกอบการไทย ตื่นตัวรับเทรนด์การค้ายุคโลกร้อน ตลาดส่งออก 60% ตรึงมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม สรรพสามิตชงรัฐบาลรื้อภาษีพลังงาน คิดตามปล่อยคาร์บอน ด้าน “กฟผ.” คาดประกาศโครงสร้างค่าไฟสะอาดปลายปีนี้ รับนักลงทุนรายใหญ่ต่างประเทศ “อุปทูตอียู” แนะยุโรป-เอเชีย เลี่ยงภัยโลกร้อน กระทบห่วงโซ่อุปทาน
– สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จ่อทำสมุดปกขาวหวังให้รัฐบาลใหม่ในช่วงเดือน พ.ย.นี้ หวังเร่งภาครัฐเดินเครื่องแก้เศรษฐกิจ-ปากท้อง-ท่องเที่ยว-งบค้างท่อ ช่วยให้เศรษฐกิจไทยปีนี้สามารถโตได้มากกว่า 3% พร้อมกับเป็นแรงส่งต่อให้จีดีพี ปี 67 โตได้ 5% ต่อไป
– อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า เตรียมปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตด้านพลังงาน เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ให้สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษี ของสินค้าที่นำเข้าไปสหรัฐและสหภาพยุโรปได้ หลังจากปัจจุบันทั้งโลกให้ความสำคัญต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม ทำให้ไทยจำเป็นต้องปรับตัวตามเพราะหากไม่ปรับตัวจะได้รับผลกระทบด้านต่างๆ ตามมา
หุ้นเด่นวันนี้
– BGRIM (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 35.50 บาท หุ้นโรงไฟฟ้า ราคาตกต่ำมาตั้งแต่สงครามยูเครน ด้วยข่าวลบต่างๆนานา นโยบายปรับลดค่าไฟฟ้า ของรัฐบาลกดดันให้ราคาหุ้นลงมาใกล้ระดับต่ำสุดของปีก่อน (29.75 บาท 9 พ.ค.22) ขณะที่การลดค่าไฟฟ้าครั้งนี้ ไม่น่าจะทำร้ายหุ้นโรงไฟฟ้าได้เหมือนช่วงที่มีการตรึงค่าเอฟที ในปี 2565 ค่าเอฟที ปัจจุบันถูกลดลงมาตามราคา Gas (LNG) งวด ก.ย.-ธ.ค. จะอยู่ที่ 66.89 สตางค์ ทำให้ค่าไฟเฉลี่ยลดลงจากงวดก่อนที่ 4.70 เหลือ 4.45 บาท/หน่วย การปรับเอฟที ที่ไม่ได้เป็นไปตามกลไกราคา Gas มีผลตรงต่อกำไร (สำหรับ BGRIM เราประเมิน ค่าเอฟที 1 สตางค์ จะมีผลต่อกำไร 21 ลบ./ปี) ประมาณการกำไรปกติปี 2567 ที่ 2.1 พันล้านบาท (+459% YoY) แนวโน้มครึ่งหลังปี 66 คาดทรงตัว HoH แม้มีโครงการใหม่รอ COD (รวม 214MWe) แต่เข้ามาช่วงปลายปีประเมินไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
– PSL (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 12.5 บาท มองหุ้น laggard มีอัพไซด์เยอะ เนื่องจากราคาหุ้นถูกกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจจีน แต่ประเมินผลประกอบการจะฟื้นตัวแรงในปีหน้ากว่า 200% มองเริ่มมีการเก็งกำไรหุ้นเรือเทกองตั้งแต่ปีนี้จากความกังวลเรื่องอาหารขาดแคลน (Food shortage) ซึ่งเป็นบวกต่อบริษัท
– TRUE (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 7.30 บาท กระแสบวกกำลังพัดมา เชื่อว่าราคาหุ้นจะกลับมา Outperform ตลาดจาก 2 ปัจจัยบวกเฉพาะตัวเริ่มจาก 1.การเปิดตัว IPHONE 15 ในวันที่ 13 ก.ย. ที่จะช่วยหนุนยอดขายธุรกิจมือถือในช่วงปลาย ไตรมาส 3-4 ปี 66 2.การจัดงาน Future Ready True ในวันที่ 26 ก.ย. เชื่อว่าตลาดจะคาดหวังต่อความคืบหน้า Synergy Guidance หลังการควบรวม ซึ่งอาจนำมาสู่การปรับประมาณการของเรา และ Consensus ด้านผลประกอบเราเชื่อว่าจะผ่านจุดเลวร้ายที่สุดในช่วง 1H66 ไปแล้วหลังขาดทุนสูงถึง 4.0 พันล้านบาท-ขณะที่ช่วง 2H66 จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นจากรายได้ฟื้นตัวจากทุกธุรกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ย. 66)
Tags: SET, SET Index, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย