นายเซี่ย เฟิง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐเปิดเผยว่า ภาษีศุลกากรและมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐ เป็นตัวการที่ทำให้การค้าระหว่างจีนและสหรัฐลดลง
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นระหว่างที่นายเซี่ยกล่าวปราศรัยในการประชุมธุรกิจสหรัฐ-จีน ของฟอร์บส เมื่อวันอังคาร (29 ส.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการประชุมผ่านทางออนไลน์
นายเซี่ยชี้ว่า การค้าระหว่างจีนและสหรัฐในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ลดลง 14.5% จากปีก่อนหน้า
“นี่คือผลกระทบโดยตรงจากการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีมาตรา 301 สำหรับการนำเข้าจากจีน รวมทั้งบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรแต่เพียงฝ่ายเดียว และยกระดับความเข้มงวดในการควบคุมการส่งออก” นายเซี่ย ระบุ
นอกจากนี้ นายเซี่ยเสริมว่า ประชาชนหลายครัวเรือนได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว ธุรกิจของทั้งสองประเทศก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นเดียวกัน
รายงานระบุว่า สหรัฐเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีน และการส่งออกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของจีน แม้ว่าสัดส่วนการส่งออกจะปรับตัวลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ตาม
ด้านข้อมูลจากกรมศุลกากรของจีนเผยว่า การค้าระหว่างสหรัฐและจีนลดลงต่อเนื่องในเดือนก.ค. โดยลดลง 15.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565
“ความเสี่ยงที่น่ากังวลมากที่สุดก็คืออะไรก็ตามที่ทำให้สหรัฐกับจีนห่างเหินกันและต้นเหตุที่ใหญ่ที่สุดของความไม่มั่นคงก็คือ การเผชิญหน้ากันระหว่างทั้งสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม” นายเซี่ย กล่าว
ทั้งนี้ นายเซี่ยเสริมอีกว่า การปิดประตูใส่จีนคือการปิดประตูของโอกาส ความร่วมมือ เสถียรภาพ และการพัฒนา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ส.ค. 66)
Tags: ทูตจีน, ภาษีนำเข้า, สหรัฐ, เซี่ย เฟิง