น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบรายงานตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ประจำปี 2565 ของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
โดยผลการดำเนินงานในภาพรวมตามหลักการ Balanced scorecard ได้คะแนนถึง 4.76 จากคะแนนเต็ม 5 (เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ได้ 4.61 คะแนน) และมีผลการบริหารจัดการที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล โดยได้คะแนนเฉลี่ย 9.67 จากคะแนนเต็ม 10 (เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2564 ที่ได้ 9.25 คะแนน) และได้คะแนนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสของการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐที่ 93.25 คะแนน อยู่ในระดับ A (ได้คะแนนสูงกว่าผลประเมินภาพรวมระดับประเทศที่ผลคะแนนเฉลี่ย 81.25 คะแนน)
ทั้งนี้ รายงานประจำปี 2565 ของกองทุนฯ ของผลการดำเนินงานตามเป้าประสงค์ 6 ประการ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ลดปัจจัยเสี่ยงหลักทางสุขภาพ
-
พัฒนาองค์ความรู้ประเด็นการควบคุมและป้องกันผลกระทบจากยาสูบ รวมถึงพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายในประเด็นบุหรี่ทำลายสิ่งแวดล้อม
-
สนับสนุนการปรับปรุง พ.ร.บ.การจราจรทางบก ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2565 โดยเพิ่มโทษผู้กระทำความผิดซ้ำข้อหาเมาแล้วขับ และการตรวจวัดแอลกอฮอล์ในผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตที่ไม่รู้สึกตัวจากอุบัติเหตุทางถนน
-
พัฒนาลานกีฬาสาธารณะพื้นที่นำร่องใน จ.ตรัง และ จ.ราชบุรี
2. พัฒนากลไกที่จำเป็นเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพอื่นๆ
-
จัดตั้งศูนย์วิชาการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ ซึ่งเป็นภัยด้านสิ่งแวดล้อมที่คุกคามสุขภาพของประชาชน
-
สนับสนุนให้คนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน ให้สามารถเข้าถึงระบบหลักประกันสุขภาพและสวัสดิการขั้นพื้นฐาน โดยสามารถช่วยเหลือคนไทยให้สามารถเข้าถึงกระบวนการพิสูจน์สิทธิ 799 คน และผ่านการพิสูจน์สิทธิได้รับสถานะเป็นคนไทยอย่างถูกต้อง 452 คน
3. เพิ่มขีดความสามารถเชิงสถาบัน บทบาทชุมชน และองค์กร ในการพัฒนาสุขภาวะองค์รวม
-
พัฒนารูปแบบแนวทางการดูแลผู้ป่วยจิตเวชโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ภายใต้ “โครงการบูรณาการดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน” ในพื้นที่เป้าหมาย คือ อ.แว้ง จ.นราธิวาส หรือ “แว้งโมเดล” ซึ่งมีผู้ป่วยได้รับการดูแล 758 ราย
-
สถานประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าร่วมโครงการสร้างเสริมสุขภาวะองค์กร 80 แห่ง ใน 39 จังหวัด ครอบคลุมพนักงาน 12,425 คนเพื่อส่งเสริมให้สถานประกอบการนำแนวคิดองค์กรสุขภาวะเป็นแนวทางพัฒนาศักยภาพองค์กร ควบคู่กับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตบุคลากรในองค์กร
4. สร้างค่านิยมและโอกาสการเรียนรู้ในการสร้างเสริมสุขภาวะให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
-
พัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาวะทุกช่วงวัย 3,702 คน ที่มีทักษะเท่าทันสื่อ ทักษะการสื่อสาร ทักษะการเป็นผู้นำ และเป็นพลเมืองตื่นรู้
-
พัฒนาโครงการรณรงค์การสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม เช่น โครงการรณรงค์ให้เหล้าเท่ากับแช่ง ห่วงใยใครไม่ให้เหล้า โครงการรณรงค์ฝุ่น PM 2.5 และโครงการณรงค์ลดการสูบบุหรี่ไฟฟ้า สามารถสร้างแนวโน้มให้ประชาชนอยากปรับเปลี่ยนหรือตั้งใจปรับพฤติกรรม 91%
5. ขยายโอกาสและพัฒนาศักยภาพการสร้างนวัตกรรมเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาวะ เช่น สนับสนุนโครงการสร้างเสริมสุขภาวะระดับชุมชน 2,018 โครงการ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ โดยมีผู้ได้รับประโยชน์ 302,787 คน เช่น โครงการ “สายใยสัมพันธ์ ผู้ผลิต ผู้บริโภค” ร่วมผลิตอาหารปลอดภัยแก้ไขปัญหาสุขภาวะในชุมซน ที่เทศบาลเมืองกระบี่ อ.เมือง จ.กระบี่
6. เพิ่มสมรรถนะระบบบริการและระบบสนับสนุนในการสร้างเสริมสุขภาวะ
-
พัฒนาทีมหมอครอบครัว ของสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี ให้มีรูปแบบบริการคลินิกโรคไม่ติดต่อที่สร้างความรอบรู้สุขภาพให้ผู้ป่วย
-
พัฒนาแอปพลิเคชัน “Fun D” ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูล และความรู้การดูแลสุขภาพและสุขภาพช่องปาก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ส.ค. 66)
Tags: ทิพานัน ศิริชนะ, ประชุมครม., มติคณะรัฐมนตรี, สสส.