นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล และนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ หรือโย ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม สส. ระยอง เขต 3 ชี้แจงกรณีข้อกล่าวหาทางด้านภาษี และคดียักยอกทรัพย์ โดยนายรังสิมันต์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 62 นายพงศธร ทำหน้าที่เป็นผู้ชำนาญการประจำตัว น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส. มีเงินรายได้ประมาณ 15,000 บาท/เดือน เมื่อคำนวณตลอดทั้งปี จะมีรายได้ไม่เกิน 180,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องจ่ายภาษี
ดังนั้น ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา นายพงศธร จึงไม่ได้ยื่นแบบฟอร์มชำระภาษี ทั้งที่ตัวเองก็โดนหักภาษี ณ ที่จ่าย และนายพงศธร ก็ได้ทำแบบฟอร์ม สส.4/7 เพื่อยืนยันว่าตัวเองมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี
ส่วนกรณีที่มีสื่อพาดหัวข่าวว่า “โซเชียล ทั้งขุด ทั้งแฉ โย พงศธร ผู้สมัครเขต 3 ระยอง ก้าวไกล ไม่ได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พบชีวิตหรูหราฟู่ฟ่า ขายเบียร์ใส่รถกันเป็นลังๆ อีกด้านขุดกันไปถึงคดียักยอกปี 61” นั้น
นายรังสิมันต์ ชี้แจงว่า กรณีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นายพงศธร ได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนเพื่อดำเนินธุรกิจนี้จริง แต่การประกอบธุรกิจดังกล่าว ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่นำไปสู่การปันผลจนถึง ณ ปัจจุบันนี้ เมื่อไม่ได้รับปันผล นายพงศธร ก็ไม่เคยต้องไปยื่นเสียภาษีในกรณีนี้ ดังนั้น รายได้ของนายพงศธรในช่วงเวลาที่ผ่านมา มาจากการทำหน้าที่ตำแหน่งผู้ชำนาญการ สส. เท่านั้น
สำหรับคดีความที่นายพงศธร เคยถูกแจ้งความร้องทุกในคดียักยอกทรัพย์ ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏอยู่ชัดเจนแล้วว่า สุดท้ายทางตำรวจมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ดังนั้นนายพงศธร จึงยังมีคุณสมบัติครบถ้วนลงสมัครรับเลือกตั้งได้
“เราเข้าใจดีในการตรวจสอบ และก็ยินดีที่สื่อมวลชน ประชาชน จะตรวจสอบพวกเรา เพราะถือเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่สำคัญที่จะทำให้เกิดการเมืองที่มีความโปร่งใส แต่เมื่อพิจารณาจากพาดหัวข่าว และประเด็นที่มีการโจมตี ต้องเรียนว่า เกินเลยจากข้อเท็จจริงไปมาก คิดเป็นอื่นไม่ได้ว่าคงจะมีกลุ่มบุคคล ใครบางคน หวังประโยชน์ทางการเมืองจากการดิสเครดิตนี้ ขอฝากว่าอย่าเลย มาสู้กันเพื่อเอาชนะใจประชาชน ดีกว่าจะมาใช้การสาดโคลน ดิสเครดิตทางการเมือง” นายรังสิมันต์ กล่าว
ด้าน นายพงศธร กล่าวว่า มีประชาชนติดต่อสอบถามเข้ามาจำนวนมาก โดยตนเองยังมีกำลังใจดี ไม่หวั่นไหวหรือกังวลต่อกรณีดังกล่าว และเชื่อว่าทุกวันนี้ ทุกคนมีวุฒิภาวะแยกแยะข้อเท็จจริงได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ส.ค. 66)
