EGCO จ่อปิดดีลโรงไฟฟ้าในสหรัฐ-อาเซียนภายในปีนี้ดันกำลังผลิตใหม่ทะลุ 1,000 MW

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอ็กโก กรุ๊ป (EGCO) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้า ทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก (Conventional) เช่น ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานหมุนเวียน (Renewable) ในประเทศที่มีฐานการผลิตอยู่แล้ว อย่าง สหรัฐฯ จำนวน 1-2 โครงการ และอาเซียนอีก 1 โครงการ กำลังการลิตรวมมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะหนุนกำลังการผลิตใหม่ปีนี้ทะลุเป้าหมาย 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีในมือแล้ว 101 เมกะวัตต์ โดยบริษัทวางงบลงทุนปีนี้ไว้ราว 30,000 ล้านบาทเพื่อรองรับการซื้อกิจการ (M&A)

“เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาส การลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง โดยการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทจะขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์ระยะสั้น 4S ที่เน้นการสร้างรายได้อย่างรวดเร็วและเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในโครงการที่มีคุณภาพสูง (Select high quality projects) ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก (Conventional) อย่างก๊าซธรรมชาติ และพลังงานหมุนเวียน (Renewable) ที่จะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อรับรู้รายได้ทันที โดยมีความได้เปรียบจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งใน 8 ประเทศ ที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว”

สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่าปีก่อน หลังจาก 6 เดือนแรกกำไรสุทธิเติบโตมากกว่าทั้งปี 65 ไปแล้ว หรืออยู่ที่ 3,482.06 ล้านบาท จากปีก่อนทั้งปีอยู่ที่ 2,683.10 ล้านบาท แต่ยอมรับว่าในแง่ของรายได้ปีนี้น่าจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากค่าไฟฟ้า (Ft) ปรับตัวลงตามราคาก๊าซธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานจะได้รับปัจจัยบวกจากการรับรู้รายได้เต็มปีโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ในลาว รวมถึงโรงไฟฟ้าเช็ก ในสหรัฐ และโครงการโรงไฟฟ้าหยุนหลินในไต้หวันสามารถทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเมื่อติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าจากใบพัดกังหันแล้วเสร็จ

รวมทั้งโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (TPN) ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป สำหรับการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนพันธกิจหลักของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืนด้วย

ปัจจุบัน EGCO มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 6,317 เมกะวัตต์ โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,363 เมกะวัตต์ คิดเป็น 22% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสดงอาทิตย์ พลังงานลม เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้านแบตเตอรี่ ส่วนถ่านหิน 1,356 เมกะวัตต์คิดเป็น 21% และ Natural Gas 3,597 เมกะวัตต์ คิดเป็น 57%

สำหรับระยะกลางถึงระยะยาว EGCO วางแผนการลงทุนในธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตอย่าง ซัพพลายเชนไฮโดรเจน ที่มีศักยภาพรองรับการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสีเขียว โดยร่วมมือกับพันธมิตรหลายแห่งเพื่อศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และความเป็นไปได้ในการลงทุน เช่น การพัฒนาและใช้ประโยชน์จากก๊าซไฮโดรเจนสำหรับการผลิตไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยคาร์บอน การพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับซัพพลายเชนไฮโดรเจน ตลอดจนการผลิตกรีนไฮโดรเจนจากโรงไฟฟ้าโบโค ร็อค วินด์ฟาร์ม ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาอุตสาหกรรมกรีนไฮโดรเจน เป็นต้น

ด้านการขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เนื่องจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เอ็กโก กรุ๊ป ได้ปรับเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายและเข้มข้นกว่าเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นไปในทิศทางเดียวกับบริษัทชั้นนำของโลก โดยขยับเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม 10 ปี เป็น 2040 และเพิ่มเป้าหมายใหม่ คือ การบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีด้านการผลิตไฟฟ้าและพลังงานใหม่ ๆ ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว เป้าหมายใหม่นี้จะช่วยสนับสนุนทิศทางการดำเนินธุรกิจและการลงทุนของเอ็กโก กรุ๊ป ให้สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมพลังงานในระดับสากล รวมถึงความต้องการไฟฟ้าในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด

การลงทุนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ EGCO มุ่งสู่การบรรลุ Net Zero 2050 ได้ตามแผน คือ การลงทุนในเอเพ็กซ์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีศักยภาพและช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เอ็กโก กรุ๊ป ในระยะยาว เนื่องจากเอเพ็กซ์จะช่วยเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วยโมเดลการดำเนินงานในรูปแบบไฮบริด คือ การพัฒนาโครงการเพื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เอง และจำหน่ายโครงการออกไป

โดยในปี 66 เอเพ็กซ์ มีโครงการที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 2 โครงการ กำลังผลิตรวม 294 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 5 โครงการ กำลังผลิตรวม 657 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยแล้วเสร็จระหว่างปี 66-68 แบ่งเป็น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการในรัฐเท็กซัส โครงการพลังงานลม 1 โครงการ ในรัฐเมน และโครงการระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ 2 โครงการ ในรัฐเท็กซัส ในขณะเดียวกัน ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกจำนวนมากถึง 242 โครงการ กำลังผลิตรวม 53,767 เมกะวัตต์

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ส.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top