บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนและมีหนี้สินจำนวนมากเปิดเผยว่า บริษัทขาดทุนจำนวน 4.5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงอีกครั้งในวันนี้ หลังจากถูกระงับการซื้อขายหุ้นเป็นเวลานานถึง 17 เดือน
ตามเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อวันอาทิตย์ (27 ส.ค.) เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งอยู่ในกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ รายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้น 3.3 หมื่นล้านหยวน (4.5 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงเวลา 6 เดือนซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2566 ส่งผลให้บริษัทขาดทุนเพิ่มขึ้นอีก 5.82 แสนล้านหยวนจากช่วงสองปีที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า เอเวอร์แกรนด์ได้ยื่นขอนำหุ้นกลับมาซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงอีกครั้งในวันนี้ ณ เวลา 9.00 น. หลังจากบริษัทเปิดเผยเมื่อต้นเดือนส.ค.ว่า ทางบริษัทได้ปรับระบบการควบคุมดูแลภายในองค์กรให้ดีขึ้นและสอดคล้องกับกฎระเบียบการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกง โดยหุ้นของเอเวอร์แกรนด์ซื้อขายครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2565 โดยในเวลานั้นบริษัทได้สูญเสียมูลค่าตลาดไปมากกว่า 95% จากระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ในปี 2560
ผลการดำเนินการในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ถูกเปิดเผยก่อนการประชุมของกลุ่มเจ้าหนี้ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มขึ้นในวันนี้ ซึ่งตอกย้ำถึงการต่อสู้ดิ้นรนของเอเวอร์แกรนด์ ท่ามกลางวิกฤตตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งสั่นคลอนเศรษฐกิจจีนในช่วงสองปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อลดความเสี่ยงและทำให้บ้านมีราคาชะลอตัวลง ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากได้รับผลกระทบ ซึ่งรวมถึงบริษัทคันทรี การ์เดน โฮลดิ้งส์ (Country Garden Holdings) ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้และคาดว่าจะขาดทุนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ส.ค. 66)
Tags: Evergrande, อสังหาริมทรัพย์, อสังหาริมทรัพย์จีน, เอเวอร์แกรนด์