หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าพักตัวลงตามภูมิภาคหลังวิ่ง 4 วันติด รอถ้อยแถลงประธานเฟดวันนี้

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้พักตัวลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค หลังปรับตัวขึ้นมา 4 วันติดต่อกัน และนักลงทุนรอดูถ้อยแถลงของประธานเฟดในวันนี้ ทำให้อาจเห็นแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงออกมาก่อน โดยเฉพาะในหุ้น DELTA ที่น่าจะได้รับ Sentiment ลบจากตลาดหุ้นสหรัฐ ให้แนวรับไว้ที่ 1,550-1,540 จุด และ 1,538 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,570-1,575 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดพักตัวลง สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ หลังดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4 วันติดต่อกัน

ขณะที่นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันนี้ ทำให้อาจเห็นแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงออกมาก่อน โดยเฉพาะหุ้น DELTA ซึ่งน่าจะได้รับ Sentiment ลบจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลง

ให้แนวรับไว้ที่ 1,550-1,540 จุด และ 1,538 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,570-1,575 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (24 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,099.42 จุด ลดลง 373.56 จุด หรือ -1.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,376.31 จุด ลดลง 59.70 จุด หรือ -1.35% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,463.97 จุด ลดลง 257.06 จุด หรือ -1.87%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดที่ระดับ 31,840.91 จุด ลดลง 446.3 จุด หรือ -1.38%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 18,037.60 จุด ลดลง 174.57 จุด หรือ -0.96% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,068.62 จุด ลดลง 13.62 จุด หรือ -0.44%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ส.ค.66) 1,557.41 จุด เพิ่มขึ้น 8.40 จุด (+0.54%) มูลค่าการซื้อขาย 68,545.86 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 890.48 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ส.ค.66
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.(24 ส.ค.)เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 79.05 ดอลลาร์/บาร์เรลล้านบาท
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ส.ค.) อยู่ที่ 14.01 เหรียญ/บาร์เรล¶
  • เงินบาทเปิด 35.05 ให้กรอบแกว่ง 34.95-35.20 จับตาตัวเลขส่งออกไทย-ถ้อยแถลงประธานเฟด
  • “เศรษฐา” ดอดเข้าทำเนียบฯคุย “บิ๊กตู่” ก่อนพาทัวร์ “เศรษฐา” บอกนับเป็นประวัติศาสตร์ นายกฯ 2 คนแลกเปลี่ยนไอเดียกัน เผย “บิ๊กตู่” ฝากดูแลบ้านเมืองให้ดี ชมเปาะเป็น ผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ “ประยุทธ์” เผยฝากรักษาสถาบันฯ วอนเลิกแบ่งสี-แบ่งฝ่าย “พิธา” ลบประวัติแคนดิเดต นายกฯ คนที่ 30
  • ส.อ.ท.เผย ยอดส่งออกรถยนต์เดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 30.05% หลังคู่ค้ายังนำเข้ารถยนต์เพิ่มในทุกตลาด ด้านยอดขายในประเทศ ลดลง 8.77% เหตุแบงก์เข้มอนุมัติสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูง-ดอกเบี้ยขาขึ้น
  • กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หวั่นส่งออกของไทยปีนี้ส่อไม่ถึงเป้าหมายที่ 1-2% เหตุเศรษฐกิจจีนชะลอกว่าคาด แต่ยังกัดฟันฮึดสู้ จับมือเอกชนลุย 44 โครงการช่วงโค้งสุดท้าย หวังดันให้โตตามเป้า
  • ธปท.เตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจ ก.ย.66 นี้ รับปัจจัยภายนอกกระทบ หนี้ครัวเรือนสูง ฉุดกำลังซื้อหวังท่องเที่ยวดึงเศรษฐกิจฟื้นตัว ด้าน “พาณิชย์” ห่วงฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์จีนกระทบท่องเที่ยว-ส่งออกไทยทรุด

*หุ้นเด่นวันนี้

  • ERW (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 6.1 บาท เรามองแนวโน้มผลประกอบการบริษัทสดใส กำไรเติบโตสูงตามการฟื้นตัวของทั้งอัตราการเข้าพัก (OCR) ที่เพิ่มขึ้น กอปรกับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) และอัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) ก็จะเติบโตสูง เล่นบนกระแสการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนในครึ่งปีหลัง ค่าไฟลดตามมาตรการรัฐและเก็งกำไรบนความคาดหวังมาตรการวีซ่าพิเศษกระตุ้นท่องเที่ยว
  • SIRI (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 2.20 ดักซื้อก่อนที่ SIRI จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันจันทร์นี้ซึ่ง SIRI จะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.10 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield ประมาณ 5% ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลังกำไรยังดีและคาดว่าจะจ่ายปันผลได้ในระดับเดียวกัน
  • KLINIQ (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 44.50 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 71 ลบ. (+29.38%YoY, +2.30QoQ) เติบโตได้โดดเด่นตามรายได้จาก 1.จำนวนวัน operate ของคลีนิกที่กลับมาเป็นปกติ และการกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติมากขึ้น PostCovid-19 2.จำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึง brand/format ใหม่ L.A.B.X., ศูนย์ศัลยกรรม และ SPA ด้านการดำเนินงานระยะถัดไปเรายังมีมุมมองบวกต่อ KLINIQ จาก 1.กลยุทธขยายสาขาที่ไม่จำเจ มี brand/format ใหม่ๆ(2H66 คาดจะมีสาขาเปิดใหม่อีก 8 สาขา) 2.ศูนย์ศัลกรรมที่คาด occ. Rate ปลายปีนี้จะอยู่แถว 50-60% และมีโอกาสเปิดสาขา2ในปีถัดๆไป ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราประเมินกำไรสุทธิปี 66 และ67 ของ KLINIQ ขึ้นอยู่ที่ 280 ลบ.( +36.14%YoY) และ 357 ลบ.(+27.56%YoY) ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ส.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top